เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้สำหรับคอนเสิร์ตครั้งแรกของสี่หนุ่มอินดี้ร็อกจากเกาหลีใต้อย่างวง Hyuk Oh ที่ฮอตขนาดว่าบัตรรอบวันที่ 15 กรกฏาคม sold out ภายในไม่กี่นาที จนทำให้ทางผู้จัด Seen Scene Space ทนกระแสความร้อนแรงไม่ไหวเปิดรอบสองอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฏาคมต่อกันเลย
เราขอบอกเลยว่างานนี้เขา “เปิดอย่างโหด” ด้วยการเล่นเพลงดังอย่าง Comes and Goes ซิงเกิ้ลสุดฮิตที่ทำให้หลาย ๆ คนได้รู้จักพวกเขามาเป็นเพลงเปิด ทุกคนก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที แล้วยังขยี้ต่อไปด้วย Tokyo Inn และ Leather Jacket ที่น่ารักไม่เบาคือโอฮยอกก็มีการพกโพยภาษาไทยขึ้นมาอ่านให้แฟนเพลงชาวไทยได้กรี๊ดกร๊าดกันไป น่ารักจริง ๆ พ่อคุณ ก่อนจะต่อด้วยเพลงอย่าง Panda Bear, 2002WorldCup และ Wonderful Burn ที่ทำเอาเอวเราโยกไม่หยุดชวนคนข้าง ๆ เต้นซะยับ และต่อมานี่แหละหนึ่งในไฮไลต์สำคัญก็มาถึงด้วยเพลงใหม่สุดมันส์อย่าง Wanli ที่เรียกได้ว่ากดยับจริง ๆ โคตรมันโยกกันหัวแทบหลุด ซาวด์ตอนฟังสดนี่ก็เรียกได้ว่าเท่สุด ๆ เอ๊ เอ๊ เอ๊ เอ๊ แล้วก็จัดหนักต่อกันด้วยเพลงมัน ๆ อีกเพลงอย่าง Masitnonsoul ก่อนจะลดลงมาโยกแบบมีเชิงเท่ ๆ กับเพลงอย่าง Jesus Lived in a Motel Room
สำหรับพาร์ตต่อมานี่ก็เป็นหนึ่งในอีกช่วงที่น่าประทับใจสำหรับพาร์ตเพลงช้าอย่าง Die Alone และเพลง Gondry ที่เรียกได้ว่าสะกดคนดูทั้งฮอลได้อย่างอยู่หมัด เสียงของฟรอนต์แมนอย่างโอฮยอกเหมือนร่ายมนต์สะกดผู้ฟังไว้ได้อย่างราบคาบ รวมไปถึงเพลง Tomboy และเพลง Mer ที่ผู้ชมร้องตามกันได้ลั่นฮอล
สี่หนุ่มปิดโชว์ด้วยเพลง Reserved Seat ที่ทำเราเซอร์ไพรส์ด้วยท่อน outro ที่ทำเราตกไปในภวังค์ ถีบอารมณ์ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดก่อนผ่อนลงมาอย่างสวยงาม และแน่นอนว่าแฟน ๆ ไม่ยอมให้จบเท่านี้หรอก เสียงเรียกอังกอร์ในหลายภาษาถูกตะโกนขึ้นมาดังลั่น นับเป็นภาพอันน่ารักไม่หยอก (ได้ยินทั้งเอาอีก one more song อังกอร์ และ อังกอร์จูเซโย!!) แล้วพวกเราก็ไม่ต้องรอนานหนุ่ม ๆ ก็ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมเพลงฮิตอย่าง Wi ing Wi ing ที่ทุกคนร้องได้และ Surf Boy จบโชว์ลงไปแบบโคตรดี