Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Hariguem Zaboy Kart Album Launch Party

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Kanawut Krutnangrong

1 กุมภาพันธ์ 2560

15871934_1385072524851037_5009066067177350063_n

เมื่อวานนี้ที่ Thong Lor Art Space มีงานเปิดอัลบั้มชุดที่สองของ Hariguem Zaboy วงดนตรีชูเกซสัญชาติไทยที่มีแฟน ๆ ตั้งตารออัลบั้มนี้มาพักใหญ่ ซึ่งงานนี้เองก็เป็นเหมือนการรีเฟรชให้เรากลับไปมีความรู้สึกแบบเมื่อประมาณสี่ปีที่แล้วอีกครั้ง นั่นคือตอนที่ได้รู้จักกับวงนี้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกตอนนั้นคือตื่นเต้นว่า เฮ้ย บ้านเรามีวงอะไรแบบนี้ด้วยหรอวะ แล้วเราก็ติดตามผลงานของพวกเขามาเรื่อย ๆ พยายามดูโชว์ของพวกเขาบ่อย ๆ และรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทั้งการแสดงในแต่ละครั้ง แนวคิดที่สื่อสารออกมาในเพลงที่มีรายละเอียดซับซ้อน และดุดันยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ในโชว์ล่าสุดเมื่อคืนนี้เป็นการคูณสองสิ่งที่เราเคยได้ฟัง ทำให้ภาพที่เห็นระหว่างและหลังจากนั้นแจ่มชัด และรู้สึกถึงมันได้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับทั้ง 9 เพลงในอัลบั้ม Kart นี้ที่พวกเขาได้นำเสนอตัวตนที่เติบโต แน่วแน่ และเชื่อมั่นในสิ่งที่พวกเขาเลือกทำมาตลอด ทั้งยังถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่าที่เราคาดหวังไว้

img_8240

เราไปถึงสถานที่จัดตอนประมาณทุ่มครึ่ง เมื่อเราเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของทองหล่ออาร์ตสเปซ ด้านหลังของประตูที่เปิดเข้าไปคือห้องที่ฉาบด้วยไฟสีชมพูที่ตอนนั้นยังมีผู้ร่วมงานบางตา แต่เท่าที่เห็นก็เป็นมนุษย์หน้าคุ้นที่เจอได้ตามงานดนตรีต่าง ๆ ก็เห็นว่ามีดีเจมาเปิดเพลงในช่วงนั้น คือคุณก้อนจาก Bungkumhouse Records กับคอลเลกชันของเขา เรารับซีดีกับโปสเตอร์มาไว้กับตัวก่อนที่เราจะวาร์ปไปหาอะไรกินและกลับมาอีกครั้งช่วงสองทุ่มครึ่ง บรรยากาศงานในเวลานั้นคึกคักเนืองแน่นไปด้วยแฟนเพลงและเพื่อน ๆ ของวงเป็นที่เรียบร้อย ส่วนดีเจก็เปลี่ยนตัวเป็นพี่ทัต Basement Tape และพี่ตั้ม โตคิณ โดยเพลง #xerox หรือเพลงปีลึก ของแรร์ที่นำมาแชร์กันในหมู่เพื่อน ๆ ของพวกเขา ก็ถูกนำมาแบ่งปันกับผู้ชมในงานนี้เช่นกัน มีเพลงตั้งแต่ Tomorrow Never Knows ของ The Beatles ไปจนถึง Mesmerise ของ Chapterhouse และสารพัดวงการาจ อันเดอร์กราวด์ โลไฟเท่ ๆ หรือแม้แต่แจ๊สที่เราไม่รู้จัก เรียกว่าครบรส แบบที่ถ้าใครคาดหวังว่าจะได้มาเปิดประสบการณ์การฟังเพลงที่นี่ล่ะก็ คุณคิดถูกแล้วจริง ๆ

img_8244

พอเวลาสี่ทุ่มนิด ๆ เราเดินลงมาจากชั้นสองเพื่อเข้าสู่ฮอลคอนเสิร์ต ด้วยการจัดสเปซแบบนี้เลยทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในไลฟ์เฮาส์เมืองนอกที่ต้องลงมาชั้นใต้ดินกัน พื้นที่เท่าที่มองน่าจะจุคนดูได้แน่นกำลังดีเหมาะกับสไตล์เพลงแบบนี้ แล้วก็ถึงตอนที่วงแรกจะต้องขึ้นเล่น พวกเขาคือ Third Person ที่เราจะได้ดูโชว์ของพวกเขาบ่อย ๆ ในช่วงนี้และเคยเขียนถึงไปบ้างแล้ว ถ้านึกไม่ออก เพลงของพวกเขาจะเป็นร็อกแบบ lo-fi, old school ท่อนร้องจะเมา ๆ นัว ๆ หน่อย แต่เบสกับกลองจะชวนให้นึกถึงวงพังก์ หรือการาจเก่า ๆ เทือกนั้น จำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึงที่ทั้งสองวงเคยเล่นด้วยกันบนดาดฟ้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ซึ่งบรรยากาศงานตอนนั้นดีมาก งานนี้ก็ไม่ต่างกัน แม้จะมีความผิดพลาดบนเวทีเล็กน้อยแต่เราคิดว่าโชว์ทั้ง 4 เพลงในวันนี้ของพวกเขาดีขึ้นและเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เพื่อนเราเองที่ไปด้วยกันก็เอ่ยปากบอกว่า ‘วงนี้ใช้ได้เลยว่ะ’

img_8248

และเมื่อเวลาสี่ทุ่มครึ่งมาถึง แฟนเพลงสายหูพร่าก็เขยิบตัวเข้ามาจับจองพื้นที่กันอย่างเนืองแน่น แต่ท่าทีของทุกคนยังสงบและสำรวมกันอยู่ (รออีกนิด ยังเมาไม่ค่อยได้ที่) แต่พอสมาชิกวงขึ้นเวทีกันครบและเริ่มบรรเลง แฟนเพลงก็เริ่มส่งเสียงร้องเชียร์ กับ intro ที่เปิดมาเป็นท่วงทำนองที่สว่าง ล่องลอย ค่อย ๆ อุ่นเครื่องเตรียมให้เราไปพบกับการทำลายล้างโสตประสาตที่รออยู่ในเพลงแรก กับ The Sailor Song ด้วยท่อนกีตาร์แง้ว ๆ ติดหู ต่อกันด้วย The Colour ที่พอเพลงนี้ขึ้นมาแล้วเราต้องกรี๊ดจริง ๆ ด้วยความที่มันครบสูตรของความเป็นชูเกซที่เราหลงใหล แล้ววิชวลข้างหลังที่ฉายอยู่ก็เป็นภาพห้วงอวกาศล่องลอย เข้ากับเพลงมาก ตามมาด้วย Real Soon ที่มือกลองเขาประกาศศักดาว่า ตูกลับมาแล้วโว้ยยย ด้วยการหวดกลองอย่างรุนแรงหนักหน่วงแบบที่เขาชอบทำในหลายโชว์ที่ผ่านมา แล้วก็เป็นเพลงนัว ๆ เดือด ๆ Spinnin’ Outside ต่อด้วยคัฟเวอร์ Daniel Johnston อย่าง True Love Will Find You In The End ที่มี เอ้ The Voice มาร้องคอรัสไปด้วย บรรยากาศตอนนี้ dreamy มาก

img_8254

แล้วก็เป็นเพลงจากอัลบั้ม Medicine อย่าง Tender Mind ที่ดรอปความเดือดลงมามากโข ทำให้รู้เลยว่าเพลงในอัลบั้มแรกยังเหมือนอั้น ๆ กันอยู่ แล้วมาปล่อยตู้มในชุดนี้ แล้วก็เป็นคัฟเวอร์อีกเพลง Born In The Wrong Time อย่างกับเป็นการบอกว่าพวกเขาเกิดผิดยุคอย่างชื่อเพลงว่าจริง ๆ เพราะสมัยนี้ไม่ค่อยได้ฟังเพลงอะไรแบบนี้แล้ว หรือวิธีคิดที่พวกเขาเคยให้สัมภาษณ์กับเราครั้งก่อนนู้นก็บอกถึงตัวตนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ตามมาด้วย Whispering กับกีตาร์โหยหวน และ This Star Goes To Nowhere ที่กลองในช่วงท้ายตีลงจังหวะถี่ ๆ เดือด ๆ เร้ามาก แล้วจึงเป็น See Her ที่เป็นอีกเพลงกับท่อนหลังที่หน่วงแต่ทำออกมาได้เท่มาก ก่อนจะส่งเข้าเพลงเปิดตัวอัลบั้มอย่าง Semi-Sec ที่ตอนนี้เหล่าชาวแก๊งแพนด้าพุ่งมาด้านหน้าเวทีพร้อมบอดี้เสิร์ฟกันอย่างดุเดือด และส่งท้ายที่ Echoes กับกลองที่โหดสุดในสามโลก กีตาร์ และเบสต่างก็ไม่ปรานีในเพลงสุดท้าย

img_8247

แต่ไม่ท้ายที่สุดเมื่อผู้ชมร้องขอให้วงเล่นต่อ พวกเขาเลยจัดให้แบบไม่ต้องรอนานที่เพลงคัฟเวอร์อย่าง Critical Mass ให้ได้พักหูกันเล็กน้อย แล้วเซอร์ไพรส์สุด ๆ กับการที่หยิบเพลงที่เราไม่คิดว่าพวกเขาจะหยิบมาเล่น Snowstorm สุดยอดเพลงหม่นในอัลบั้มชุดแรก และแน่นอนกับการปิดท้ายแบบจริง ๆ ในเพลง Anybody Feels เป็นการขมวดอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบในคอนเสิร์ตกึ่มได้อย่างอิ่มเอม

img_8258

เมื่อเสียงเพลงเงียบลง เสียงจี่ของแอมป์จาง ๆ กับซาวด์กีตาร์ที่เคยลอยคว้างกังวานก็ค่อย ๆ เบาลง เสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขของแฟนเพลงดังขึ้นมาแทนที่แม้ทุกคนจะรู้สึกในใจว่าอยากให้พวกเขาเล่นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการประกาศการเริ่มต้นอีกครั้งในอัลบั้มใหม่ของพวกเขา เราเองก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทางวง Hariguem Zaboy ที่งานคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม Kart จบลงไปอย่างสวยงามและน่าจดจำ หวังว่าเราจะได้ดูพวกเขาเล่นสดในบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มอิ่มแบบนี้ในอีกไม่ช้า

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้