Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Singha Light Live Series Vol 2.2 MEW วงดนตรีที่ดีที่สุดในโลกอีกหนึ่งวง ได้มอบโชว์ที่ดีที่สุดให้พวกเราในค่ำคืนนี้

  • Story and photos by: Montipa Virojpan

7 พฤษภาคม 2560

img_0767

เราอาจจะไม่ใช่แฟนเพลงเดนตายที่ติดตามวงนี้อย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก (เพราะเกิดไม่ทัน) แต่ได้มาฟังประมาณสามอัลบั้มที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับชุดล่าสุด Visuals ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 28 เมษายน พอได้ฟังทั้งชุดแล้วบอกได้ว่าถูกจริตมาก แม้จะมีความป๊อปกว่าชุดก่อน แต่ซาวด์ก็ยังเนี้ยบ มีสีสัน และแอบเจือความวินเทจในโครงสร้างเพลงได้เท่มาก บวกกับที่ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า MEW มีฝีไม้ลายมือการแสดงสดที่ไม่ธรรมดา ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้เรานับถอยหลังรอให้วันนี้มาถึงเร็ว กับการที่จะได้ฟังวนดนตรีที่มีความสามารถวงหนึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศตัวเองใน Singha Light Live Series Vol 2.2 – MEW

img_0765

แต่ด้วยความที่วันนี้ต้องไปทำธุระแถวอ่อนนุชตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งระยะทางและการจราจรทำให้มาถึงสถานที่จัดงานย่านวิภาวดีในเวลาฉิวเฉียด คือเกือบไม่ทันได้ดู Bomb At Track แต่ก็มาทันในสองเพลงสุดท้าย นั่นก็คือ ฆาตกรคีย์บอร์ด และ อำนาจเจริญ ซึ่งทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดี กับท่วงทำนองดุดัน แต่แฝงลูกเล่นกีตาร์ที่เท่ชวนโยก เป็นร็อกผสมแร็ปที่เราไม่จำเป็นต้องฟังออกทุกคำแต่ก็สนุกไปกับโชว์ได้ อันที่จริงก็แอบคิดว่าเหตุผลที่วงนี้เป็นที่สนใจของหลาย คนเพราะหยิบเรื่องความไม่ยุติธรรมและสังคมด้านมืดในบ้านเรามาพูดแบบตรงไปตรงมา รวมถึงโชว์ที่สะใจใส่พลังเต็มร้อย อย่างวันนี้ก็เหมือนโชว์ที่ผ่านมาที่บอกให้ทุกคนชูนิ้วกลางขึ้นก่อนจะเล่นเพลง อำนาจเจริญ ที่ตั้งใจมอบให้บรรดาคนใหญ่คนโตที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกความหวังของวงดนตรีสายโหดที่จะเข้าถึงกลุ่มคนฟังใหม่ ๆ ได้มากขึ้นด้วย

img_0771

จากนั้นเวลาสองทุ่มห้าสิบนาที คือเรียกว่าเข็มยาวชี้เลข 11 แบบพอดีเป๊ะ Summer Dress ก็ขึ้นแสดงพร้อมกับเพลง 1917 สิ่งที่น่าประทับใจมาก นอกจากตัวเพลงก็เห็นจะเป็น lighting ที่ผสมสีออกมาได้อย่างสวยงาม เป็นการไล่สี ชมพู ม่วง ส้ม ตามมาด้วยแสงสีฟ้าที่ฉาบลงมายังกลางเวทีทำให้บรรยากาศของโชว์ขลังขึ้นมาก ต่อด้วยเพลง Synthesizer ที่ถ้าเข้าใจไม่ผิดเหมือนพวกเขาอาเรนจ์บางท่อนให้มีความบู๊ขึ้น ช่วงท้าย นี่ค่อย เล่นเสียงดังขึ้น ก่อนจะปิดท้ายแบบกระหน่ำหนำใจ แล้วก็เป็น intro พิศวงงงงวยของเพลงสนุก ๆ  The Beatles Feaver ก่อนจะทักทายผู้ชมและขอบคุณที่ได้มาเล่นเปิดโชว์ให้กับวง MEW ซึ่งเป็นวงที่พวกเขาชื่นชอบ พร้อมกับพูดติดตลกว่าเพลงของพวกเขาลอกวงนี้มา สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมในช่วงหนึ่ง จากนั้นก็เป็นเพลง ดีออก และ Sunny Talk ที่ได้พัด Zweedz N’ Roll มาร้องด้วย ความพิเศษของครั้งนี้คือ ด้วยระบบเสียงที่จริงจัง และสถานที่เป็นฮอลใหญ่ทำให้เสียงเพลงของเพลงนี้ที่หลอนอยู่แล้ว ยิ่งออกมาก้องกังวานแบบหลอนจิตหลดหนักขึ้นไปอีก แล้วปิดท้ายที่เพลง Sound Scape ที่ทั้งดนตรี และไฟบนเวทีต่างเอื้อกันแบบสุด จนเราขนลุกเป็นระลอก ตลอดเพลง

img_0789

ได้เวลาที่หลาย คนรอคอย ประมาณสี่ทุ่มนิด เสียงซินธ์จาง เริ่มบรรเลงขึ้น เหล่าชายหนุ่มในชุดขาวทั้งห้าคนขึ้นมาประจำที่บนเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดจากแฟน ด้านล่าง และเล่น In a Better Place เพลงจากอัลบั้มล่าสุด Visuals โดดเด่นด้วยซินธ์สว่าง ๆ เรียกพลังให้คนดูรู้สึกกระปรี้ประเปร่าแบบสุด ในเพลงแรก แล้วต่อด้วยเพลง 85 Videos หนึ่งในสามซิงเกิ้ลที่ถูกเลือกมาปล่อยโปรโมตอัลบั้ม จึงมีคนพอร้องตามได้ประปรายก่อนจะทักทายแฟนเพลง

img_0782

โจนาส นักร้องนำบอกว่าพวกเขาดีใจมากที่ได้มาเล่นที่บ้านเราครั้งแรก (แถมเป็นที่แรกของทัวร์นี้ด้วย) และเริ่มเล่นช่วงเพลงดังอย่าง Special, The Zookeeper’s Boy, Satelite และ Introducing Palace Players ที่มีคนร้องตามกันได้ แต่ช่วงกลางก็มีเล่นเพลงใหม่ The Wake of Your Life ที่ไลน์เบสที่มาก หนึบมาก ก่อนจะกลับมาที่เพลงที่เราชอบที่สุดในอัลบั้ม Visuals อย่าง Twist Quest ด้วยจังหวะโยน ดึ๋ย ที่แปลกแต่เท่ชะมัด แล้วจึงได้ฤกษ์ทักทายกับแฟน อีกรอบ พร้อมส่งเราไปยังเพลงสุดเพราะอย่าง Making Friends ที่ไฟสีแดงฉานสาดลงมาบนเวทีทำให้เรานึกถึงภาพใน mv ได้อย่างชัดเจน และเป็นเพลง Water Slides, Ay Ay Ay, Apocalypso, Saviours of Jazz Ballet แล้วกลับมาที่อีกซิงเกิ้ลโปรโมต Carry Me To Safety เป็นเพลงปิดท้ายในช่วงแรก ขอสารภาพว่าตอนฟัง audio version แล้วเฉยมาก แต่พอได้ดูได้ฟังสด แล้ว โอ้โห ไร้ที่ติและขลังสุด ๆ ถ้าจะบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงซาวด์แทร็กของหนังฟอร์มยักษ์ก็คงไม่ผิดนัก

img_0784

หลังจากที่แฟน กรีดร้องเรียกให้พวกเขากลับมาขึ้นเวที พวกเขาก็เล่นอีกเพลงจากอัลบั้มใหม่ Nothingness and No Regrets ซึ่งโจฮัน มือเบส ก็พูดทักทายแฟนเพลงอีกครั้งและบอกว่าจะกลับไปเล่นเพลงฮิตของพวกเขาอย่าง Am I Wry? No และ 156 แล้วกล่าวขอบคุณคนดู ความรู้สึกของเราตอนนี้คือเหมือนได้ซึมซับพลังทางดนตรีจากพวกเขาที่กลมกล่อม ทรงพลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งฮอล คือเขาสามารถเรียงเพลงจากทั้งอัลบั้มเก่าและอัลบั้มใหม่ในโชว์ได้อย่างลงตัว เสน่ห์ของ new-progressive rock อันเป็นรูปแบบเพลงของพวกเขาที่มีโครงสร้างซับซ้อน หลากหลาย แปลกใหม่ ทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำได้จนทุกวันนี้กับการเป็นยอดฝีมือ และสร้างความพองโตให้หัวใจของพวกเรา

img_0793

จุดนี้หลายคนอาจจะเหวอที่พวกเขาเดินลงเวทีกันไปโดยไม่เล่นอีกหนึ่งเพลงเด็ดได้อย่างไร!!! แต่แล้วหลังจากสิ้นสุดเสียงอังกอร์รอบสอง แม้ดสมือกีตาร์และโจนาสก็ขึ้นมาบนเวที พร้อมด้วยมือซินธ์แล้วเล่นเพลง Comforting Sound บอกเลยว่าน้ำตามา สะกดกันตั้งแต่กีตาร์ท่อนแรก ยิ่ง verse ขึ้นมานะคุณเอ๊ย ร้องไห้จริงจัง ยิ่งตอนท้ายที่ทั้งวงประโคมซาวด์ดุดันแต่งดงาม พร้อมไฟที่สาดลงมาบนเวที ทำให้พวกเขาดูเป็นพระเจ้าก็คงไม่ผิดนัก ทันทีที่จบเพลงคือเรารู้สึกอยากดูพวกเขาเล่นทุกเพลงใหม่หมดอีกครั้งในทันที

สิ้นสุดโชว์ของค่ำคืนนี้ เราขอยกให้คอนเสิร์ต MEW เป็นโชว์ที่ดีที่สุดที่เคยดูมาในรอบปีนี้อย่างแท้จริง

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้