Singha Light Live Series Vol 2.2 MEW วงดนตรีที่ดีที่สุดในโลกอีกหนึ่งวง ได้มอบโชว์ที่ดีที่สุดให้พวกเราในค่ำคืนนี้
- Story and photos by: Montipa Virojpan
7 พฤษภาคม 2560
เราอาจจะไม่ใช่แฟนเพลงเดนตายที่ติดตามวงนี้อย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก (เพราะเกิดไม่ทัน) แต่ได้มาฟังประมาณสามอัลบั้มที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับชุดล่าสุด Visuals ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 28 เมษายน พอได้ฟังทั้งชุดแล้วบอกได้ว่าถูกจริตมาก แม้จะมีความป๊อปกว่าชุดก่อน ๆ แต่ซาวด์ก็ยังเนี้ยบ มีสีสัน และแอบเจือความวินเทจในโครงสร้างเพลงได้เท่มาก บวกกับที่ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า MEW มีฝีไม้ลายมือการแสดงสดที่ไม่ธรรมดา ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้เรานับถอยหลังรอให้วันนี้มาถึงเร็ว ๆ กับการที่จะได้ฟังวนดนตรีที่มีความสามารถวงหนึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศตัวเองใน Singha Light Live Series Vol 2.2 – MEW
แต่ด้วยความที่วันนี้ต้องไปทำธุระแถวอ่อนนุชตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งระยะทางและการจราจรทำให้มาถึงสถานที่จัดงานย่านวิภาวดีในเวลาฉิวเฉียด คือเกือบไม่ทันได้ดู Bomb At Track แต่ก็มาทันในสองเพลงสุดท้าย นั่นก็คือ ฆาตกรคีย์บอร์ด และ อำนาจเจริญ ซึ่งทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดี กับท่วงทำนองดุดัน แต่แฝงลูกเล่นกีตาร์ที่เท่ชวนโยก เป็นร็อกผสมแร็ปที่เราไม่จำเป็นต้องฟังออกทุกคำแต่ก็สนุกไปกับโชว์ได้ อันที่จริงก็แอบคิดว่าเหตุผลที่วงนี้เป็นที่สนใจของหลาย ๆ คนเพราะหยิบเรื่องความไม่ยุติธรรมและสังคมด้านมืดในบ้านเรามาพูดแบบตรงไปตรงมา รวมถึงโชว์ที่สะใจใส่พลังเต็มร้อย อย่างวันนี้ก็เหมือนโชว์ที่ผ่านมาที่บอกให้ทุกคนชูนิ้วกลางขึ้นก่อนจะเล่นเพลง อำนาจเจริญ ที่ตั้งใจมอบให้บรรดาคนใหญ่คนโตที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกความหวังของวงดนตรีสายโหดที่จะเข้าถึงกลุ่มคนฟังใหม่ ๆ ได้มากขึ้นด้วย
จากนั้นเวลาสองทุ่มห้าสิบนาที คือเรียกว่าเข็มยาวชี้เลข 11 แบบพอดีเป๊ะ Summer Dress ก็ขึ้นแสดงพร้อมกับเพลง 1917 สิ่งที่น่าประทับใจมาก ๆ นอกจากตัวเพลงก็เห็นจะเป็น lighting ที่ผสมสีออกมาได้อย่างสวยงาม เป็นการไล่สี ชมพู ม่วง ส้ม ตามมาด้วยแสงสีฟ้าที่ฉาบลงมายังกลางเวทีทำให้บรรยากาศของโชว์ขลังขึ้นมาก ต่อด้วยเพลง Synthesizer ที่ถ้าเข้าใจไม่ผิดเหมือนพวกเขาอาเรนจ์บางท่อนให้มีความบู๊ขึ้น ช่วงท้าย ๆ นี่ค่อย ๆ เล่นเสียงดังขึ้น ก่อนจะปิดท้ายแบบกระหน่ำหนำใจ แล้วก็เป็น intro พิศวงงงงวยของเพลงสนุก ๆ The Beatles Feaver ก่อนจะทักทายผู้ชมและขอบคุณที่ได้มาเล่นเปิดโชว์ให้กับวง MEW ซึ่งเป็นวงที่พวกเขาชื่นชอบ พร้อมกับพูดติดตลกว่าเพลงของพวกเขาลอกวงนี้มา สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมในช่วงหนึ่ง จากนั้นก็เป็นเพลง ดีออก และ Sunny Talk ที่ได้พัด Zweedz N’ Roll มาร้องด้วย ความพิเศษของครั้งนี้คือ ด้วยระบบเสียงที่จริงจัง และสถานที่เป็นฮอลใหญ่ทำให้เสียงเพลงของเพลงนี้ที่หลอนอยู่แล้ว ยิ่งออกมาก้องกังวานแบบหลอนจิตหลดหนักขึ้นไปอีก แล้วปิดท้ายที่เพลง Sound Scape ที่ทั้งดนตรี และไฟบนเวทีต่างเอื้อกันแบบสุด ๆ จนเราขนลุกเป็นระลอก ๆ ตลอดเพลง
ได้เวลาที่หลาย ๆ คนรอคอย ประมาณสี่ทุ่มนิด ๆ เสียงซินธ์จาง ๆ เริ่มบรรเลงขึ้น เหล่าชายหนุ่มในชุดขาวทั้งห้าคนขึ้นมาประจำที่บนเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ด้านล่าง และเล่น In a Better Place เพลงจากอัลบั้มล่าสุด Visuals โดดเด่นด้วยซินธ์สว่าง ๆ เรียกพลังให้คนดูรู้สึกกระปรี้ประเปร่าแบบสุด ๆ ในเพลงแรก แล้วต่อด้วยเพลง 85 Videos หนึ่งในสามซิงเกิ้ลที่ถูกเลือกมาปล่อยโปรโมตอัลบั้ม จึงมีคนพอร้องตามได้ประปรายก่อนจะทักทายแฟนเพลง
โจนาส นักร้องนำบอกว่าพวกเขาดีใจมากที่ได้มาเล่นที่บ้านเราครั้งแรก (แถมเป็นที่แรกของทัวร์นี้ด้วย) และเริ่มเล่นช่วงเพลงดังอย่าง Special, The Zookeeper’s Boy, Satelite และ Introducing Palace Players ที่มีคนร้องตามกันได้ แต่ช่วงกลางก็มีเล่นเพลงใหม่ The Wake of Your Life ที่ไลน์เบสที่มาก หนึบมาก ก่อนจะกลับมาที่เพลงที่เราชอบที่สุดในอัลบั้ม Visuals อย่าง Twist Quest ด้วยจังหวะโยน ๆ ดึ๋ย ๆ ที่แปลกแต่เท่ชะมัด แล้วจึงได้ฤกษ์ทักทายกับแฟน ๆ อีกรอบ พร้อมส่งเราไปยังเพลงสุดเพราะอย่าง Making Friends ที่ไฟสีแดงฉานสาดลงมาบนเวทีทำให้เรานึกถึงภาพใน mv ได้อย่างชัดเจน และเป็นเพลง Water Slides, Ay Ay Ay, Apocalypso, Saviours of Jazz Ballet แล้วกลับมาที่อีกซิงเกิ้ลโปรโมต Carry Me To Safety เป็นเพลงปิดท้ายในช่วงแรก ขอสารภาพว่าตอนฟัง audio version แล้วเฉยมาก แต่พอได้ดูได้ฟังสด ๆ แล้ว โอ้โห ไร้ที่ติและขลังสุด ๆ ถ้าจะบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงซาวด์แทร็กของหนังฟอร์มยักษ์ก็คงไม่ผิดนัก
หลังจากที่แฟน ๆ กรีดร้องเรียกให้พวกเขากลับมาขึ้นเวที พวกเขาก็เล่นอีกเพลงจากอัลบั้มใหม่ Nothingness and No Regrets ซึ่งโจฮัน มือเบส ก็พูดทักทายแฟนเพลงอีกครั้งและบอกว่าจะกลับไปเล่นเพลงฮิตของพวกเขาอย่าง Am I Wry? No และ 156 แล้วกล่าวขอบคุณคนดู ความรู้สึกของเราตอนนี้คือเหมือนได้ซึมซับพลังทางดนตรีจากพวกเขาที่กลมกล่อม ทรงพลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งฮอล คือเขาสามารถเรียงเพลงจากทั้งอัลบั้มเก่าและอัลบั้มใหม่ในโชว์ได้อย่างลงตัว เสน่ห์ของ new-progressive rock อันเป็นรูปแบบเพลงของพวกเขาที่มีโครงสร้างซับซ้อน หลากหลาย แปลกใหม่ ทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำได้จนทุกวันนี้กับการเป็นยอดฝีมือ และสร้างความพองโตให้หัวใจของพวกเรา
จุดนี้หลายคนอาจจะเหวอที่พวกเขาเดินลงเวทีกันไปโดยไม่เล่นอีกหนึ่งเพลงเด็ดได้อย่างไร!!! แต่แล้วหลังจากสิ้นสุดเสียงอังกอร์รอบสอง แม้ดสมือกีตาร์และโจนาสก็ขึ้นมาบนเวที พร้อมด้วยมือซินธ์แล้วเล่นเพลง Comforting Sound บอกเลยว่าน้ำตามา สะกดกันตั้งแต่กีตาร์ท่อนแรก ยิ่ง verse ขึ้นมานะคุณเอ๊ย ร้องไห้จริงจัง ยิ่งตอนท้ายที่ทั้งวงประโคมซาวด์ดุดันแต่งดงาม พร้อมไฟที่สาดลงมาบนเวที ทำให้พวกเขาดูเป็นพระเจ้าก็คงไม่ผิดนัก ทันทีที่จบเพลงคือเรารู้สึกอยากดูพวกเขาเล่นทุกเพลงใหม่หมดอีกครั้งในทันที
สิ้นสุดโชว์ของค่ำคืนนี้ เราขอยกให้คอนเสิร์ต MEW เป็นโชว์ที่ดีที่สุดที่เคยดูมาในรอบปีนี้อย่างแท้จริง