Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Soft Rock Renegade เมื่อความย้วยและความคลั่งมารวมตัวกันโดยนัดหมาย

  • Stoty and photos by Montipa Virojpan

28 เมษายน 2560

17637131_1336573843093796_6838479963513035417_o

วันศุกร์ที่ผ่านมาถือเป็นอีกวันที่มีอีเวนต์ชุกชุม ชนกันเปรี้ยงปร้างจนอยากจะลากสังขารไปให้ครบ แต่ทีมงาน Fungjaizine ก็ส่งไม้ต่อแยกกันไปคนละงาน อิฉันเจ้าเก่าก็ขออาสามารับหน้าที่เล่าบรรยากาศของงาน Soft Rock Renagade เองจ้า

สำหรับงานนี้เป็นงานที่ จ้า Hariguem Zaboy เป็นพ่องานโดยใช้ชื่อทีมจัดว่า The 75th Curveball โดยชวนเพื่อนนักดนตรีเลือดร้อนฝีมือน่าจับตามองทั้ง Folk 9, Cloud Behind และ Summer Dress มาสนุกกันในค่ำคืนนี้ และจากที่สังเกตด้วยสายตา จำนวนคนที่ตบเท้ามาร่วมงานก็เรียกว่าอุ่นหนาฝาคั่งพอตัว

img_0601

เรามาถึงงานเวลาสองทุ่มครึ่ง เป็นช่วงที่วงแรกอย่าง Folk 9 กำลังเล่นพอดี วง jangle pop, dream pop, lo-fi ทีทำเพลงออกมาได้น่าสนใจ กับเมโลดี้กีตาร์ที่ไพเราะเพราะพริ้ง ความล่องลอยสดใส หรือแม้กระทั่งความหนังหน่วงบ้าคลั่งในบางเพลง หลังจากที่พวกเขาปล่อยอัลบั้มเต็ม Morning Day ออกมา งานนี้ก็เหมือนจะเป็นงานที่เราได้ฟังเพลงของพวกเขาทั้งอัลบั้มเก่าและอลับั้ม โดยเพลงที่นำมาเล่นก็มีทั้ง สิ่งที่ดีเราเก็บเอาไว้ในความทรงจำ, คิดดูก่อน, Feel Good, Morning Day, Memory, China Town, ผลดอกไม้ และไม่เป็นจริง ซึ่งมีความเกรี้ยวกราดแบบสุด ในช่วงท้าย ก็เป็นโชว์ของ Folk 9 หลังจากที่ไม่ได้ดูพวกเขาเล่นมานานแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ถือว่าการแสดงของพวกเขาน่าสนใจและทำออกมาได้ดีกว่าครั้งก่อนที่ได้ดูมาก รอบหน้าถ้ามีเล่นที่ไหนอีกจะพยายามไม่พลาดนะฮะ

img_0612

จากนั้นก็เป็นวง Cloud Behind ที่หลังจากมีการปรับเปลี่ยนไลน์อัพสมาชิกจนมาลงตัวเป็นเซ็ตปัจจุบัน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้กลับมาเล่นใหม่ แถมได้ ฮอน Hope the Flower มาช่วยเล่นเบสด้วย เพลงส่วนใหญ่ที่เล่นก็เป็นผลงานที่เราคุ้นเคยกันดี ถูกเอามา re-arrange ใหม่ให้มีความหนักแน่นซับซ้อนขึ้น หรือหลาย เพลงก็ได้อิทธิพลจาก neo-psych pop หรือได้มู้ดของ The Velvet Underground มาบ้าง โดยเพลงแรกที่เล่นคือ นกนางนวล ที่อาเรนจ์ใหม่และเพิ่มซาวด์ซินธ์กรุ๊งกริ๊งเข้าไป หรือเพลง ในท้องฟ้า ที่อดีตคือเพลง ฉันรักท้องฟ้า และเพลง แค่แปลกตา ซิงเกิ้ล come back ของพวกเขาก็นำมาเล่นเป็นครั้งแรก จากนั้นก็เป็นเพลง ลาฝัน เทา และเพลงใหม่ที่อินโทรกีตาร์ทำให้นึกถึง Smashing Pumpkins แต่ได้ส่วนผสมของทำนองไซคีเดเลีย กับสัดส่วนที่หลากหลายของเพลงแบบเซอร์ไพรส์ตลอดโชว์ พร้อมท่อนซินธ์สุดติดหูที่เราชอบมาก แล้วจบด้วยกลองสาด เหมือนให้ระเบิดตัวเองในตอนท้าย บอกเลยว่ารอฟังอัลบั้มเต็มของพวกเขากันแล้ว

img_0619

ตามมาด้วย Summer Dress ที่ขนเพลงจากอัลบั้ม Serious Music มาเล่น ซึ่งงานนี้ถือว่าพวกเขาเอาคนดูอยู่หมัด เพราะถึงแม้จะเล่นเพลงใหม่ทั้งหมดแต่ก็มีคนร้องตามได้ไม่น้อยเลย เอาจริงว่าก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเลือกหยิบเพลง Fancy เพลงบรรเลงเพลงเดียวของอัลบั้มที่มีสไตล์เพลงล้ำสุด มาเล่นเปิด ตอนนี้ทำเอาโยกหัวหลุดกับความปั่นประสาทของเพลงไปแล้ว ต่อกันที่ The Beatles Fever เพลงภาษาไทยเนื้อความยียวนกับทำนองเพลงบางท่อนที่ทำให้นึกถึงเพลงยุค 60s แล้วจึงเป็น 1917 เพลงเปิดอัลบั้มที่มีคนร้องตามและตบมือกันอย่างสนุกสนาน ต่อด้วย Synthesizer และเพลงฮิตที่สุดในช่วงนี้อย่าง ดีออก โดยท่อนที่ร้องว่า ‘ดีออก’ หลายคนก็ตั้งใจตะโกนให้เป็นคำว่า ‘อีดอก’ กันอย่างพร้อมเพรียง ถ้าสังเกตคือมือกีตาร์ทั้งสองและมือเบสโยกกันอย่างเมามันในท่อนท้ายของเพลงจนนี่ก็ต้องโยกตามแบบไม่รู้ตัว แล้วปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงเพราะ อย่าง Soundscape ให้เคลียร์หูกันก่อนจะไปเจอวงเดือด ต่อจากนี้

img_0629

ส่งท้ายค่ำคืนร้อนระอุด้วยวงหูพร่าบ้าดีเดือด Hariguem Zaboy ทันทีที่เสียงจี่ดังขึ้นก็เป็นอันรู้กันว่าใครอยู่ใกล้ลำโพงก็เตรียมหูดับได้เลยเพราะเพลงเขาเล่นกันดังและมันมากจริง ช่วงนี้เหล่าคนดูก็ดูจะเมาได้ที่ เริ่มมีกลุ่มมนุษย์เต้นยับ จากที่โดดเหยง แทคเคิลกันกลุ่มเล็ก ก็เริ่มผ่ารัศมีไปทั่วงาน นี่ก็เต้นกับเขาจนโดนเหยียบเท้าแล้วรองเท้าหลุดไปข้าง เกือบกูกลับไม่ทันแหนะ โดยเพลงที่เล่นในวันนี้ก็มี Real Soon ที่พวกเขาชอบหยิบมาเล่นอยู่บ่อย แล้วยังไม่ลืมที่จะนำเพลงจากชุดเก่าอย่าง Without Phasing อีกเพลงเพราะเมโลดี้ล่องลอย แต่ดูเศร้าสร้อยที่เป็นหน่ึงในเพลงที่เราชื่นชอบกลับมาเล่น จากนั้นจึงเป็นเพลงช้าสุดหนืดที่เพราะมาก อย่าง Whispering เป็นโมเมนต์ที่นอยซ์และซาวด์พร่าต่าง สร้างบรรยากาศหม่นอึมครึม ถ้าหลับตาฟังแล้วจะรู้สึกว่ากำลังถูกความเศร้าที่สวยงามนั้นห่อหุ้มตัวเราไว้ แล้วจึงเป็นเพลง This Star Goes to Nowhere ที่เป็นเพลงรีเควสต์จางทางบ้าน ทางวงเขาก็เล่นให้ แล้วต่อกันที่ Semi-Sec เพลงเปิดตัวอัลบั้ม และ Echo เพลงสุดเดือดกลองระห่ำที่มักจะถูกจัดมาให้ปิดท้ายในหลาย โชว์ แต่ตอนนี้เราต้องขอดีดตัวกลับมาก่อนเพราะอยู่ต่อจนจบเพลงไม่ไหว เลยไม่แน่ใจว่ามีเล่นแถมต่อให้อีกหรือเปล่า

img_0623

สำหรับบรรยากาศใน Buffalo Bridge Gallery นี้ถือว่าแปลกใหม่ เพราะให้บรรยากาศแบบ house party อบอุ่น กะทัดรัด แล้วมีการเล่น live visual ที่จับเอาภาพบรรยากาศในงานฉายไปเป็นแบคกราวด์ผสมกับวิชวลกราฟฟิกเท่ ก็เป็นอะไรที่เพลินตาดี แม้ตัวงานจะจัดกันที่ชั้น 5 ให้เราปีนบันไดออกกำลังกายกันเป็นการวอร์มก่อนมาโดดในงาน แต่ก็คุ้มค่ามาก เพราะวงดนตรีทุกวงเขามีของดีมาปล่อยซะจนเราหายเหนื่อย คิดว่าใครมาฟังสดที่นี่ก็คงได้ซีดีของแต่ละวงติดไม้ติดมือกลับบ้านกันด้วย แถมด้านบนยังมีดาดฟ้าให้ไปนั่งตากลมกันอีก ก็ถือว่าเป็นเวนิวที่น่าสนใจ หากจะมีใครมาจัดอีเวนต์กันที่นี่ก็ขอเชียร์เลยล่ะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้