Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

คอนเสิร์ตปิดอัลบั้ม S.O.L.E. กับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจัดได้ว่า สนุกสุด ๆ

  • Writer: Gandit Panthong, Malaivee Swangpol, Chavit Mayou, Wathanyu Suriyawong
  • Photo: Insane.

7 เมษายน 2560 

เนื่องด้วยคอนเสิร์ตปิดอัลบั้ม S.O.L.E – Bangkok Teenage Renaissance เป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ สนุกจนกดเหล้าเบียร์กันเพลิน สนุกจนจำอะไรไม่ได้ เราจึงขอรวบรวมความทรงจำอันกระจัดกระจายคนละนิดคนละหน่อยของพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์มาปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวดังต่อไปนี้

การให้ปากคำจากพยานพบเห็นที่ 1 

SOLE_003

SOLE_002

เรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากพวกเราทีมงานฟังใจที่ได้มีโอกาสไปงานปาร์ตี้ปิดอัลบั้ม S.O.L.E – Bangkok Teenage Renaissance ของวง S.O.L.E. โปรเจกต์ของ ไตเติ้ล The Whitest Crow ที่มีเพื่อนฝูงมารวมตัวราวกับการรวบรวมดราก้อนบอลมาไว้ในงานเดียวกัน

ขณะนี้เราย่างกรายเข้าสู่ร้าน Play Yard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลา 3 ทุ่มโดยประมาณ วง In This Peace ได้ขึ้นสู่เวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โชว์ครั้งนี้ของพวกเขาทำได้ดีเชียวล่ะ ภาพรวมที่ได้เห็นพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความนิ่งในการเล่นดนตรี รวมไปถึงการสื่อสารกับคนดูวงนี้เป็นอีกวงที่น่าจับตามองดูมาก ๆ ส่วนที่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมไม่มี song list ของพวกเขา จะบอกให้ก็ได้ว่าตอนนี้ด้วยฤทธิ์ของแอกอลฮอลล์ผสมกับความทรงจำอันน้อยนิดทำให้ตัวผมเองนั้นเริ่มจำเรื่องราวในงานนี้ไม่ได้มากนัก การระเห็ดเตร็ดเตร่ครั้งนี้เลยจะไม่มีผมคนเดียวมาเล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟังแน่ ๆ งานนี้เราจะมีอีกหลายคนที่จะเล่าให้คุณฟังในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป มาลองจินตนาการกันดูนะครับว่า คอนเสิร์ตนี้มันเป็นยังไงแน่

โอเค 4 ทุ่มตรงแล้วได้เวลาของพวกเขา Lord Liar Boots ขึ้นทำการแสดงวินาทีแรกที่เพลงของพวกเขาขึ้นจากการที่ผมติดตามวงนี้มานานต้องบอกเลยว่า พวกนายแม่งเติบโตและดีขึ้นจากวันแรกที่ได้ดูขึ้นเยอะเลย ทุกเพลงของพวกเขา วงดนตรีวงนี้เล่นออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ เพลง Bhutan Girl เป็นเพลงที่ผมชื่นชอบมาก ๆ พวกเขาเล่นสดออกมาได้อย่างเฟี้ยวฟ้าวและดีจริง ๆ ที่สำคัญโชว์นี้มีเซอร์ไพร์สด้วยกับเพลง สายสี่ ที่มีแขกรับเชิญอย่าง แดน Penny Time และ เติ้ล S.O.L.E. ขึ้นไปแจมด้วยเรียกได้ว่าสนุกสนานเละเทะมันของจริง ก่อนท่ีพวกเขาจะจบโชว์สุดเดือดไปด้วยเพลง ขี้งอน  ทันใดนั้นในเวลา 5 ทุ่ม S.O.L.E. ขึ้นเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพลง Intro ถูกบรรเลงขึ้นและเพลง Bangkok Teenage Renaissance ก็ถูกเล่นขึ้นต่อทันที วินาทีนั้นสติผมได้หลุดออกจากร่างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะรู้ตัวอีกทีคอนเสิร์ตนี้ก็จบลงแล้ว จำอะไรไม่ได้เลย จำได้ลาง ๆ ว่าทุกเพลงของวงนี้ถูกเล่นจนเกือบหมด มีทั้งวงเล่นสดและดีเจเซ็ตด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ขอเชิญพบกับเรื่องราวคอนเสิร์ตนี้จากผู้รีวิวคนที่ 2 ได้เลยครับ

น้องกันต์มันสุด ๆ

การให้ปากคำจากพยานพบเห็นที่ 2

SOLE_003

Play Yard ที่เก่าเวลาเดิม

อ่าว พี่จะทิ้งกันให้รีวิวแบบนี้ไม่ด้ายยย! ภาพตัดตั้งแต่เริ่มโชว์เลยเหรอครับ อะมา ลองฟังรีวิวจากคนที่ภาพตัดทีหลังบ้าง

ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เติ้ลสำหรับการชิงโชคบัตรเข้างานในวันนี้นะฮะ กราบเบญจางคประดิษฐ์ (แต่สรุปเสียค่าเบียร์ไปเกินค่าบัตรแล้ว ฮา) เริ่มงานก็พบกันกับวงเพื่อนซี้ In This Peace ซึ่งก็เล่นดีมากกก วงมากับเพลงที่เราคุ้นเคย แต่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงใหม่ล่าสัส Yes I Know ที่บูม มือกลองมาร้องเพลง บวกกับเพลง Prom Night ที่ทำดนตรีใหม่ เพิ่มความ lo-fi ยิ่งขึ้น ก็ช่วยเผาหัว เริ่มต้นค่ำคืนได้ดีมาก อะไปต่อกันที่ Lord Liar Boots ที่พี่แก้ว นักร้องนำบ่นเรื่องชุดคับตัวตลอดโชว์ ตลก วงบอกว่า อยากดู S.O.L.E. แล้ว รีบเล่นรีบลงจ้า! วงเล่นเพลงใหม่ ติดจรัส ตัดจริต, Bhutan Girl และ  Don’t Tell Mom ที่บอกว่าแต่งจากเรื่องจริของอั๋น มือกีตาร์ ซึ่งเนื้อร้องว่า ‘Don’t tell mom I’m gay’ แบบ ห๊ะ อะไรนะ โอย โคตรปั่น

SOLE_005

มาถึง S.O.L.E. เจ้าของปาร์ตี้ในวันนี้ พี่เติ้ล ขึ้นเวทีมาพร้อมกับเสื้อที่เขียนว่า DEATH PENALTY FOR DRUG วันนี้ visual สวยมากเวอร์ ชอบคร่า เปิดเพลงแรกมาด้วย Intro กับท่อนที่คุ้นเคย ‘S.O.L.E. This is where I wanna be!’ ก่อนจะไปเป็น Bangkok Tennage Renaissance ที่ชวนทุกคนตะโกนว่า ‘What’s your problem!?’ แล้วพี่เติ้ลก็ทักทายทุกคน ‘สวัสดีครับ ในนามของสน. S.O.L.E.’ อ้าว วงแตกแป๊บ ตามด้วย Cyber Punk และ Why You Do A Drug When You Can Do Me ที่พี่เติ้ลบอกว่า ผมได้เพลงนี้มจากสเตตัสเฟสบุ๊กของคนคนหนึ่ง ซึ่งวันนี้เค้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เอาเป็นว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร ไปตามหากันเองขรับพ้ม ก่อนจะเป็น Psycho Killer ชวนให้ร้องตามท่อน ‘You know it!’ และ When Everyone Is Doing A Moshpit ก่อนจะเป็นเพลง Call Me กับท่อนฮุกสุดซิ่ง จากนั้นก็เป็น Please Protect Me From What I Want เพลงภาษาญี่ปุ่น ซึ่งตอนเล่นมีเนื้อให้ด้วย แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออก เต้นตามแล้วกัน และ Gateway ที่พี่เติ้ลลงมากินเบียร์ข้างล่าง แล้วกลับขึ้นเวทีมาด้วย I Want You To Fuck Me เพลง 18+ ที่ภาพ MV เป็นคนคุ้นเคยในฟังใจนี่เอง ไม่บอกหรอกว่าใคร No Skin,  Modern God ที่วงปล่อยเวทีให้เป็นฟลอร์ตึ๊ด กับภาพปกอัลบั้มในเวอร์ชั่นต่าง ๆ ที่ฉายบนเวที แล้วตามด้วย Rich ที่ร้องตามกันลั่น ‘I just wanna be rich!’ และ Like A Magic แล้วมาเป็นเพลงช้าลงบ้างกับ Want You Back ฟึม ๆ นิดนึง ก่อนจะปิดไปด้วย If You Want To Run, Run Faster เพลงชวนวิ่ง แล้วก็อังกอร์กันด้วยเพลง Call Me กับ Like A Magic ที่คนเต้นกันจนพื้นจะพัง ทิ้งท้ายค่ำคืนระหว่างวงกำลังเก็บเครื่อง ด้วย รู้ก็เหมือนไม่รู้ ของวง The Whitest Crow บอกเลยว่า สนุกสุด ๆ สนุกสัส ๆ วู้ว คือบรรยากาศงานดีมากกก ทุกคนร้องเพลงได้ เต้นด้วยกันแม้จะไม่รู้จัก และโคตรเมาาา  

น้องมิวไงจะใครล่ะ

การให้ปากคำจากพยานพบเห็นที่ 3

SOLE_006

จำได้ว่าเป็นที่เพื่อน พี่ น้อง คนสนิท มารวมตัวกันเยอะมาก แล้วก็ตอนวงขึ้นโชว์เพลงแรก ทุกคนตะโกนคำว่า S.O.L.E พร้อมกันลั่น Play Yard หลังจากนั้นเริ่มอะไรไม่ค่อยได้ ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเดือด หมดเครื่องดื่มกี่แก้วก็ลืมนับ จำได้ช็อตนึง คือเติ้ลอยู่บนเวที โน้มตัวไปจูบปากแก้ว Lord Liar Boots ที่อยู่หน้าเวที หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ภาพตัดมาอีกที คือตัวเองตื่นในที่นอนห้องตัวเองก็รู้สึกโล่งใจ ที่ไม่ตื่นในห้องขัง จึงสรุปได้ว่า เป็นปาร์ตี้ที่สมบูรณ์เหี้ยๆ

น้องเตเต้ผู้น่ารัก 

การให้ปากคำจากพยานพบเห็นที่ 4

SOLE_001

ผมจำได้ลาง ๆ ว่าคืนนั้นเป็นหนึ่งในคืนที่อากาศดีสุดเท่าที่หน้าร้อนประเทศไทยจะให้เราได้ จะมีอะไรดีไปกว่าการออกมาสังสรรค์กับวงดนตรีสุดมันในบรรยากาศสุดอบอุ่นในร้านที่คุ้นเคย ผมมาทันตอนวงเปิดวงที่สองอย่าง Lord Liar Boot ขึ้นพอดี แน่นอนว่าความเป็นพังก์ของพวกเขาแม่งโคตรเรียล รู้สึกเหมือนอยู่ใน mv ฝรั่งวัยรุ่น ๆ ที่เราดูต้นยุค 2000 กระโดดโยกหัวในท่อน “I’m not falling down” ในเพลง Bhutan Girl ก็มู้ดแบบวัยรุ่นดิบ ๆ ใน mv Green Day งี้ปะ ผมกระดกเบียร์ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ตัว ยิ่งดนตรียิ่งหนักยิ่งต้องเติมพลังด้วยน้ำเบียร์ และนั่นแหละครับ กว่าวงเปิดจะเล่นจบ ตาผมก็เริ่มพร่า และเริ่มลืมนับไปแล้วว่ากินเบียร์ไปกี่ขวดหรือกี่กระป๋อง รู้ตัวอีกทีผมก็ตะโกนแหกปากกับ Intro ‘S.O.L.E. This is where I wanna be!’ จากนั้นภาพทุกอย่างก็เริ่มบิดเบี้ยว พี่เติ้ล front man ดูเหมือน Kayne West มาก ๆ ในชุดตำรวจที่สกรีนคำว่าอะไรซักอย่างหลังเสื้อ จำไม่ได้แต่เท่ชิบหาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเพลงแล้วเพลงเล่าก็อัดกระหน่ำให้ทุกคนเต้นรำกันอย่างบ้าคลั่งแม้ที่จะเต็มจนแคบ ส่วนตัวประทับใจ visaul ในเพลง Call Me และ Please Protect Me From What I Want ทั้งภาพเบอร์โทรศัพท์มู้ดสมุดปกเหลืองและประโยคภาษาญี่ปุ่นเชย ๆ นี่เท่ระเบิดระเบ้อจริงๆ นั่นเป็นสิ่งที่พอจำได้ อ้อใช่ ผมจำเสียง ตึก ตึกตึก ตึก ตึกตึก ตึก (ฮัมจังหวะตามที่เว้นวรรค) ในเพลงโปรดของผมอย่าง Like a Magic ได้ และจำได้ว่าเล่นสองรอบด้วย และนั่นก็รู้สึกเหมือนถูกสาปให้เต้นอย่างไม่มีวันเหน็ดวันเหนื่อย เหมือนลัทธิอะไรซักอย่าง รู้ตัวอีกทีก็ไปมีสติในร้านข้าวต้มแป๊ะเม้งใกล้ ๆ ร้านแล้ว แถมตื่นมายังปวดคอชิบหายเลยด้วย จะปั่นงานก็ไม่มีแรง โถ่แย่จัง T T

บุ๊คกี้เดอะมาเธ่อฟัคกิ้งสไตรเดอร์ / ช่างภาพที่ไม่ได้ถ่ายอะไรเลยในคืนนั้น

 

จากเหตุการ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 4 เหตุการณ์ต้องบอกได้ว่านี่คือความทรงจำของทุกคนที่มีในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ไม่ว่ารีวิวผู้อ่านจะรู้สึกเช่นไร แต่เราอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า คอนเสิร์ตหากไม่ได้มาดูเองคุณก็คงไม่รู้หรอกว่าความสนุกสนานมันคืออะไร เพราะดนตรีต้องใช้หูฟัง ต้องใช้ตาดู บางครั้งการบอกเล่าเรื่องราวเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้คุณเห็นภาพตามพวกเราได้ แต่สิ่งนึงที่อยากบอกให้ทุกคนรู้เลยก็คือ คอนเสิร์ตนี้สนุกมาก ๆ มันเป็นงานปาร์ตี้ที่อบอุ่นและเราขอแสดงความยินดีกับวง S.O.L.E ด้วยที่มาถึงจุดที่มีคนร้องเพลงคุณลั่นงานและมีคนเฮตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วพบกันใหม่เมื่อโอกาสหน้ามาถึงครับ สวัสดี

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง