Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Studio Live Vol 1 at Good Space

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Montipa Virojpan

29 มกราคม 2560

15940585_1775210532743496_8012008534141008620_n

มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันที่เราได้ไปเจอความดีงามโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เช่นกันกับงานดนตรีเมื่อวานที่ Good Space ตรงซอยข้างสำนักงานใหญ่ BTS เราบังเอิญมีนัดคุยงานที่นั่น และพบว่าช่วงเย็นทางร้านจะมีงานดนตรีจากสามวงที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ทั้ง Whal & Dolph, Galaga และ Pray หลังจากคุยธุระเสร็จเราเลยตัดสินใจอยู่ต่อเพราะก็อยากลองฟังเพลงของพวกเขาแบบสด ๆ กันสักครั้ง

img_8171

งานจัดที่ส่วนกลางของ Good Space ในบรรยากาศ homie เป็นกันเอง (ถ้าใครได้มางาน Fungjai Awards ก็น่าจะนึกภาพออก) โดยเซ็ตเวทีให้อยู่ตรงกลางพื้นที่และมีโต๊ะเก้าอี้ โซฟา ให้ผู้ชมได้เอกเขนกกันตามสบาย วงแรก Whal & Dolph เริ่มเลทจากที่ระบุไว้ตามตารางไปชั่วโมงนึง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ เพราะเวลาทุ่มตรงก็น่าจะเป็นช่วงเริ่มงานที่หลายคนคุ้นชินกันอยู่แล้วและอาจจะไวไปด้วยซ้ำ ซึ่งเพลงที่พวกเขาเล่นในวันนี้ก็เป็นอะคูสติกป๊อปฟังสบายสไตล์ฟังริมทะเล พอมาเล่นที่นี่แล้วบรรยากาศของร้านยิ่งเข้ากับตัวเพลงเข้าไปใหญ่ เสริมให้โชว์ของพวกเขาลงตัวมาก เพลงแรกก็เป็นจังหวะสนุก ๆ อุ่นเครื่อง ต่อด้วยเพลง รอยยิ้ม ที่ทุกคนน่าจะรู้จักพวกเขาจากเพลงนี้ แล้วต่อด้วยเพลง นาน ๆ ที่บางช่วงของเพลงทำให้นึกถึงเพลง จะว่าไหม ของ Saliva Bastards อยู่เหมือนกัน กับอีกเซอร์ไพรส์ที่พวกเขานำเพลง เสียงของหัวใจ ของ แอน ธิติมา มาทำเป็นเพลงสไตล์ jangle pop, lo-fi กลิ่นอายแบบ Homeshake ที่ก็แปลกดี ตามมาด้วยเพลง น้ำตาฟ้า เพลงเศร้าที่มีเรื่องเล่าว่าเขาได้เขียนให้คนที่เคยคุ้นเคยกันในวันที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันเป็นวันสุดท้าย วันนั้นเป็นวันที่ขับรถกลับจากหัวหินแล้วฝนตกพอดี พอรู้เรื่องแล้วเพลงยิ่งอึมครึมขึ้นไปอีก ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง ซิงเกิ้ลที่เพิ่งปล่อยออกมาก็เป็นอีกเพลงที่สื่อสารอารมณ์ด้วยลูกเล่นและเทคนิกในเพลงได้ดี แต่ด้วยความที่เวลาเหลือ วงเขาเลยแถม bonus track ให้สั้น ๆ เป็นเพลงน่ารักมอบให้คนที่กำลังอินเลิฟกันด้วยล่ะ

img_8175

ต่อไปเป็นคิวของวง Galaga ที่เราเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่เคยฟังผลงานหรือเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แค่เห็นว่าในรายละเอียดอีเวนต์ได้บอกไว้ว่าพวกเขาทำเพลงแนว psychedelic grunge เท่านี้ก็น่าสนใจแล้ว แต่พอเริ่มเล่น วงก็พบปัญหาทางเทคนิกประมาณนึงไม่ว่าจะเป็นกีตาร์เสียงไม่ออกระหว่างเล่น ทูนเนอร์เบสอ๊อง ๆ หรือเปิดดรัมแมชชีนผิดจังหวะ ทำให้กินเวลาไปประมาณนึง แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วพวกเขาก็เริ่มบรรเลง ซึ่งแค่เพลงแรกก็เป็นการระเบิดหูแบบสุด ๆ กับท่วงทำนองดิบ ๆ กรันจ์ ๆ ทำซาวด์มาได้โคตรเท่แบบ เฮ้ย อยากฟังอะไรแบบนี้ในบ้านเรามานานแล้วว่ะ คือเพลงได้ความ The Smashing Pumpkins มาก ทั้งกีตาร์และบีทกลองจากดรัมแมชชีน มัน 90s ฝุด ๆ ผ่านไปสองเพลงแรก แม้จะลั่นบ้าง หลุดบ้าง แต่ก็อยากนั่งฟังและเอาใจช่วยในเพลงต่อ ๆ ไป ซึ่งก็คืนฟอร์มได้ดีในเพลงที่สาม Rewind ที่เริ่มมีการตะโกนโหวกเหวกในเพลงกันบ้างแล้ว เพลงที่สี่ Tokyo ก็ได้ยินสุ้มเสียงที่ให้ความรู้สึกญี่ปุ่น ๆ อยู่ประมาณนึง ตามมาด้วย God Damn Gone แต่เท่าที่ฟังมาบีทกลองจะมีความใกล้เคียงกันอยู่ในหลายเพลง ก่อนที่อีกเพลงจะมี guest drummer เป็น ภู จากวง Third Person และ Philosopher Brothers มาแจม เลยทำให้ได้ยินเสียงกลองสด ๆ จากเพลงนี้นั่นเอง ซึ่งจากโชว์โดยรวมแล้วถ้าไม่ติดเรื่องปัญหาจากอุปกรณ์ ตัวเพลงที่ทำมาก็ดีและน่าติดตามมากทีเดียวสำหรับวงนี้

แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอยู่ดูวง Pray ได้เพราะต้องไปทำภารกิจที่อื่นต่อ แต่ลองได้ฟังเพลงของพวกเขาใน YouTube แล้วก็มีความเป็น ambient rock ใส่ซาวด์สังเคราะห์ล่องลอยและมีโครงสร้างเพลงที่มีความเป็นโพสต์ร็อกอยู่ด้วย ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็อยากลองฟังสดดูเหมือนกัน ขอติดไว้ก่อนน้า

ถือเป็นงานที่จัดกันแบบกันเอง เรียบง่าย ผู้ชมก็สบาย ๆ เหมือนชวนกันมาฟังเพลงที่บ้าน แล้วยังเป็นการค้นพบวงใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้ฟังที่ไหนมาก่อนซึ่งเป็นการเปิดหูเปิดโลกมากจริง ๆ ส่วน Studio Live Vol 2 ก็จะจัดในเดือนหน้า วันที่ 12 กุมภา เตรียมเจอกับ The Octopuss, Spring.Fall.Sea และ Zweedz N Roll ได้เลยจ้า

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้