Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Serious Music ปาร์ตี้เปิดอัลบั้มที่อบอุ่นและจริงจังที่สุดของ Summer Dress

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Montipa Virojpan, Kanawut Krutnangrong and Khanapa Putcha

23 มีนาคม 2560

img_9818

เมื่อเกือบ 6 ปีที่แล้ว เราเพิ่งมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพลงที่สมัยนั้นชอบเรียกกันว่า ‘เพลงอินดี้’ แต่การที่เราโดนสื่อกระแสหลักป้อนข้อมูลกำหนดรสนิยมมากว่าสิบปี ทำให้ไม่รู้ว่าจะไปเสาะหาช่องทางการฟังเพลงแบบนั้นเยอะ ๆ ได้ที่ไหน สื่อทางเลือกเองก็มีไม่มากนัก 104.5 Fat Radio จึงกลายเป็นเพื่อนพึ่งพาทางดนตรีที่สำคัญที่สุดให้เด็กหัดแนวอย่างเราในยุคนึง

และในเช้าวันหยุดวันหนึ่ง คลื่นแฟตเปิดเพลงป๊อปสนุกซาวด์ประหลาด (สำหรับเราในเวลานั้น) ที่มีท่อนร้องว่า ‘ก็ไม่ได้จะว่าใครเขาแต่ช้ำใจ ฉันแพ้ทอม’ คือตั้งแต่เพลง อย่าขี้โม้ ของ จุ๋ย จุ๋ยส์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เรามาฟังเพลงนอกกระแสแล้ว ก็ไม่เจอเพลงไหนที่ทำออกมาในสไตล์นี้อีก ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องจริงใจปนตลกร้ายที่ต้องฟังให้จบเพื่อรอให้ดีเจขานชื่อเพลงและศิลปิน แต่โชคไม่เข้าข้างเมื่อรายการถูกตัดเข้าช่วงข่าวต้นชั่วโมงไปเสียก่อน

img_9781

จนกระทั่งปลายปี 2011 ช่วงปิดเทอมก่อนจะเข้าเรียนมหาลัยปีแรก เราตกลงรับคำชวนของรุ่นพี่คนหนึ่งที่จะให้เราไปเป็นเด็กขายบัตรหน้างานเทศกาลดนตรีเล็ก ๆ ที่เขาจะต้องไปแสดง บอกตามตรงว่าตอนนั้นเรารู้จักวงที่มาเล่นในงานแค่ Stylish Nonsense และ Desktop Error ส่วนวงอื่น ๆ คือแทบไม่เคยได้ยิน และหนึ่งใน line up ที่มาเล่นก็มี Summer Dress ซึ่งสถานะในตอนนั้นยังเป็นวงที่เราไม่รู้จัก ปกติถ้ามีงานที่เป็นวงไม่คุ้นเราก็จะไม่ไปใช่ไหม แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นถึงยอมไป อาจจะเพราะแค่อยากได้ค่าขนม ถ้าได้ลองไปเบิกหูเบิกเนตรในแวดวงที่ไม่ชินด้วยก็คงไม่เป็นไร

แต่แล้วค่ำคืนนั้นเองที่ Cosmic Cafe บทเพลง แพ้ทอม ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำแรกของเพลงนี้หวนกลับมาอีกครั้ง ช่วงเช้าวันหนึ่งที่เราฟังแฟตเรดิโอบนรถของแม่…

เวลาล่วงเลยมาหลายปี ตั้งแต่ตอนที่ทั้งห้าคนยังเล่นเพลงวัยซ่าจากอัลบั้ม Activity และการเต้นเป็นผีบ้าของเราหน้าเวทีที่งานของหอศิลป์กรุงเทพ ฯ สู่การจัดงานดนตรีครั้งแรกของคณะที่คิดว่าต้องชวนวงนี้มาเล่นให้ได้ตอนปีสี่ มาจนถึงเมื่อวานนี้ สตูดิโออัลบั้มเต็มชุดที่สองของ Summer Dress ในชื่อ Serious Music ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเรากำลังจะได้ดูโชว์เต็มรูปแบบจากพวกเขาหลังจากรอมาพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป

img_9774

สถาบันปรีดีพนมยงค์ สถานที่ที่หลายรู้จักกันในฐานะของที่จัดแสดงละครที่ด้านหน้าจะมีบ่อกลมว่างเปล่าอันเป็นร่องรอยของการเคยเป็นน้ำพุในอดีต ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นเวทีวงกลม มีอัฒจันทร์สูงขึ้นไปเป็นที่นั่งให้กับผู้ชม โคมไฟตั้งพื้นหลายขนาดถูกประดับประดารายรอบ ให้แสงส่องสว่างไปยังจุดกึ่งกลางของพื้นที่ นี่คือความแปลกใหม่แรกที่เราไม่เคยสัมผัสจากโชว์ไหน ๆ จนจินตนาการไม่ออกว่าพอถึงเวลาเล่นจริงแล้วจะเป็นยังไง พอเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง โชว์ลึกลับที่พวกเขาบอกว่าจะเป็น ‘ใบกะเพรา’ สร้างรสชาติให้กับงานนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ชายหนึ่งคนกับกีตาร์หนึ่งตัว บรรเลงเพลงกีตาร์คลาสสิกขับกล่อมผู้ชมที่ทยอยตบเท้าเข้างาน เป็นความแปลกใหม่อย่างที่สองสำหรับเราในงานนี้ เพราะยังไม่เคยเห็นงานไหนเอากีตาร์คลาสสิกมาเล่นเปิดให้กับวงร็อกมาก่อนเลย

img_9778

สามทุ่มครึ่ง ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย สมาชิก Summer Dress ทุกคนประจำที่พร้อมเสียงร้องต้อนรับจากผู้ชม แต่จากที่สังเกต หลายคนเลือกที่จะนั่งกับพื้นแล้วไล่ระดับไปบนขั้นอัฒจันทร์ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เลือกยืนชิดริมกำแพงด้านข้าง บทเพลงแรกที่พวกเขาเล่นในค่ำคืนนี้คือ 1917 แทร็คหนึ่งจากอัลบั้มที่ปล่อยให้ทุกคนได้ฟังกัน เพลงนุ่มนวลที่มีซาวด์ดนตรีแปลกใหม่แต่ดูเติบโตจากงานชุดก่อนแบบก้าวกระโดดถูกบรรเลงเพื่อเปิดการแสดงอย่างเป็นทางการ เมื่อจบเพลง เต๊นท์ ฟรอนต์แมนก็กล่าวทักทายคนดูก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงที่สอง Synthesizer ตอนนี้เองที่เราสังเกตเห็นวิชวลที่ฉายไปยังกำแพงสูงของอาคาร ภาพปรากฏกราฟฟิกที่สีสันรุนแรงที่อธิบายเป็นความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนรูปทรงไปเรื่อย ๆ พร้อมท่อนโซโล่กลองกับซินธิไซเซอร์ที่โหมกระหน่ำใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ต่อด้วย Sound Scape อีกเพลงเมโลดี้ไพเราะที่ให้ความผ่อนคลายในครึ่งแรก แล้วจู่ ๆ ก็แปลเปลี่ยนไปเป็นพายุร้ายในช่วง improvise จังหวะกระแทกกระทั้นยาวนานกว่าสองนาที เรียงเสียงเชียร์ที่ปลุกเร้าจากผู้ชมได้ตลอดท้ายเพลง ตามมาติด ๆ กับเพลง The Beatles Fever ทำนองน่ารัก แต่ฟัง ๆ ไปก็กวนโอ๊ยใช้ได้ โดดเด่นด้วยซาวด์กีตาร์วินเทจ และท่อนหลังที่เมามันปั่นประสาท

img_9786

จากนั้นก็เป็นเพลง Sunny Talk ที่มี พัด Zweedz N Roll ที่เป็นศิลปินรับเชิญในเพลงก็มาร่วมร้องด้วยที่งานนี้ ปรากฎว่าความขลัง ความหม่น ที่เราซึมซับได้จากในแผ่น พอถูกนำมาถ่ายทอดแบบสด ๆ และมีอิมโพรไวส์การร้องในท่อนท้าย พลังความดาร์กจิตหลุดนั้นก็ถูกแผ่ออกมาแบบฉุดไม่อยู่แล้วจริง ๆ แล้วก็ได้คิวของแน็ต มือกีตาร์ที่ขึ้นมาร้องในเพลง Fancy กับน้ำเสียงที่เราไม่ค่อยได้ฟังกันที่ไหนเท่าไหร่ สังเกตได้ว่าเจ้าตัวมีความประหม่าเล็กน้อย หรือเต๊นเองที่ทำเสียงทุ้มใหญ่เพื่อร้องในท่อนหนึ่งของเพลง จากนั้นก็เป็นพาร์ตหลังของเพลงนี้ที่เป็นอิเล็กทรอนิกปั่น ๆ หนัก ๆ ซึ่งเราเคยจินตนาการมาตลอดว่าเวลาเล่นสดจะเป็นยังไง ปรากฏว่าพวกเขาก็เล่นมันออกมาแบบสด ๆ ไม่ได้จะเปิด midi แม้แต่น้อย แล้วก็ทำได้ดี

ตอนนี้เองที่พวกเขาบอกให้ผู้ชมลุกขึ้นยืนและเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะบรรเลงเพลง 1-10 ในจังหวะบอสซาโนว่าที่เราไม่คิดว่าจะได้ยินเพลงแนวนี้จากพวกเขา และในที่สุดก็ถึงคิวของอีกหนึ่งเพลงที่โดดเด่นในอัลบั้มกับซาวด์ดนตรีที่คาดไม่ถึง ดีออก ตอนแรกพวกเขาเหมือนจะเรียกให้ ออม Telex Telexs เจ้าของเสียงร้องผู้หญิงในเพลงมาร่วมโชว์ด้วย แต่กลับไม่มีการปรากฏตัวของเธอ จึงเล่นในรูปแบบปกติที่มีท่อนอิมโพรไวส์อีกท่อนนึงที่เพิ่มเติมมาจากต้นฉบับซึ่งเท่เอามาก ๆ

img_9799

ครบถ้วนกระบวนความไปแล้วทั้ง 9 เพลงในอัลบั้ม Serious Music ก็ได้เวลารำลึกอดีตกันกับเพลงในชุดแรกที่หยิบมาเล่น ตอนนี้เองที่เราสัมผัสได้ว่าสีสันของดนตรีทั้งสองชุดแตกต่างกันจริง ๆ แต่ก็มีความดีงามในแบบของมันเองโดยไม่ต้องพยายามบิ๊วอะไรกับคนดูมากนัก ตอนนี้คนดูเองก็เครื่องติดกันถ้วนหน้า หลายคนที่อยู่ใกล้เวทีก็เริ่มเต้นกันแรงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากเพลง บรรเลง ที่ถูกนำมา re-arrange ใหม่อีกครั้ง ปกติเพลงนี้จะถูกเล่นในแบบที่ไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว แต่คราวนี้เหมือนเป็นการปรับจูนให้เข้ากับซาวด์ของชุดใหม่มากขึ้น ต่อด้วย เธอข้างทาง ราตรี กิจวัตร และแพ้ทอม ที่ได้ ณป่าน Hariguem Zaboy มาช่วยร้อง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ามาทันแค่สองเพลงสุดท้าย ก่อนจะเล่นเพลง ดีออก อีกครั้งหนึ่งเพื่อปลอบใจ ณป่าน ที่พลาดโชว์ช่วงต้นไป แต่หนนี้เต๊นท์ดัดเสียงร้องให้เล็กในท่อนที่ออมจะต้องร้องด้วย

img_9814

ความจริงแล้วเพลงที่เพิ่งผ่านไปควรจะเป็นเพลงจบ แต่พวกเขาก็ทนเสียงเรียกร้องจากผู้ชมไม่ได้จริง ๆ จึงเล่นเพลง เสียคน เป็นเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ (แม้จะมีแน็ตที่ขึ้นกีตาร์เพลง Smells Like Teen Spirit มาเพียงนิดเดียวแต่ก็ต้องหยุดเล่นไปเพราะเกินเวลาไม่ได้จริง ๆ)

กว่าสองชั่วโมงที่เล่นเพลงจากทั้งชุดใหม่และชุดเก่าอย่างจุใจ ผู้ชมพร้อมใจกันเต้นอย่างเมามันแม้สภาพอากาศในวันงานจะร้อนระอุ บรรยากาศโดยรวมของสถานที่ วิชวล หรือแม้แต่ไฟที่ถูกเซ็ตออกมาทำให้โชว์ดูมีความน่ารัก อบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนทั้งศิลปินและทุกคนที่มาดูคือเพื่อนที่พร้อมมาสนุกด้วยกันอย่างเต็มที่ ทำให้เราเผลอยิ้มไปกับโชว์นี้ตลอดทั้งโชว์

เมื่อลองนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ได้ดูงานเล่นสดของ Summer Dress มาจนถึงช่วงสุดท้ายของงานเปิดอัลบั้มชุดที่สองของพวกเขาเมื่อวาน ตลอดห้าปีที่ผ่านมาก็มีวงดนตรีคุณภาพเกิดขึ้นและเบี่ยงเบนความสนใจเราให้ไปทดลองฟังอย่างนับไม่ถ้วน แต่เราก็ไม่ได้หยุดติดตามผลงานของพวกเขา เพราะเรารู้สึกว่าการได้ดูคนกลุ่มนี้เล่นเพลงแบบสด ๆ จะเป็นการเติมพลังให้เราเองจากสีสันของ performance ที่สดใหม่แม้จะเป็นเพลงที่คุ้นเคย แต่ยิ่งดูก็เหมือนยิ่งได้รู้จักตัวตนของพวกเขาผ่านเสียงเพลง ได้รู้สึกถึงความตั้งใจสร้างงานอย่าง ‘จริงจัง’ และถ่ายทอดออกมาได้อย่างจริงใจ ไม่ห่วงเท่ (แต่ดันฟังแล้วเท่ซะงั้น) และด้วยความรู้สึกที่เหมือนเราเติบโตไปพร้อม ๆ กับเพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น บรรเลง กิจวัตร 1917 หรือ Sound Scape มักจะทำให้เรานึกถึงช่วงเวลา สถานที่ หรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาอยู่เสมอ

img_9819

ขอแสดงความยินดีกับวงอีกครั้ง และขอบคุณที่ตั้งใจสร้างสรรค์งานเพลงดี ๆ ออกมาให้เราได้ฟัง และเพลงเหล่านั้นคือหนึ่งในบทเพลงอีกมากมายที่เราเลือกให้เป็นสิ่งหล่อหลอมชีวิตอยู่ไม่ขาดจนถึงทุกวันนี้

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้