รำลึกวัยแตกหนุ่มไปกับโชว์ทรงพลังจาก Temper Trap
- Story and photo: Montipa Virojpan and Sutinee Prongmake
8 มีนาคม 2560
ตอนที่รู้ว่า Temper Trap มี Asia tour คือลุ้นมากว่าจะมีมาที่ไทยด้วยมั้ย แล้วก็มาจริง ๆ เราซึ่งเป็นแฟนเพลงอยู่แล้วก็ดีใจมาก ๆ ในอาทิตย์นี้ได้ดูสองวงที่ชอบติดกันเลยทั้ง Honne แล้ววันถัดไปก็มาต่อกันกับ Temper Trap แบบไม่ให้หยุดหายใจ
เราไปถึงงานก่อนประตูเริ่มประมาณนึง ซึ่งตอนไปถึงคนก็เริ่มทยอยกันมาแล้ว วงเปิดวงแรกอย่าง electric.neon.lamp ขึ้นตรงเวลา ส่วนตัวเราได้ดูวงนี้เล่นบ่อยประมาณนึง แต่ครั้งนี้มีการคิดโชว์มาดีกว่าทุกครั้ง ด้วยการมีแบ็กอัพคีย์บอร์ดมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ทำให้โชว์ดูกลมกล่อมขึ้นเยอะ set list ก็จะเป็นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นสักเท่าไหร่ อย่าง นิมมาน อวกาศ หรือ รถไฟแห่งความฝัน ซึ่งเป็นเพลงจากอัลบั้ม Bright Side ที่หาฟังได้ยาก แต่เป็นเพลงที่ดีงามไม่แพ้งานที่หลาย ๆ คนได้ฟังกัน ทั้ง นางรอง หรือ โทรจิต ที่เล่นในโชว์นี้ด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็เป็นโชว์ของ scrubb ที่หลาย ๆ เพลงฮิตที่เราเคยฟังทั้ง ย้อนเวลา หรือ See Scape ที่ไม่ค่อยได้ฟังสด ๆ ที่ไหน ก็ถูกนำมา re-arrange ใหม่ได้แบบละมุนขึ้น จากนั้นก็เป็นเพลงคำตอบ ที่พวกเขาชวนคนดูให้ตบมือและร้อง วู้ ไปพร้อมกันในช่วงกลางของเพลง ซึ่งผู้ชมก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี และตามมาด้วยเพลงฮิตสุดอมตะอย่าง เข้ากันดี และ ใกล้ ที่ทุกคนต่างร้องตามและโยก ๆ อย่างสนุกสนาน เป็นอีกโชว์ที่ทำให้ได้ย้อนวัยกันแบบอิ่มเอม
หลังจากจบโชว์ scrubb ก็เป็นช่วงเบรกที่ให้ทีมงานได้เซ็ตเวทีสำหรับวงต่อไป ด้านหน้าระหว่างที่เรารอซื้อเบียร์ในแถวที่แสนยาวนั้น ก็แวบไปดูของขายที่นอกจากซีดี ก็มีเสื้อยืดของวงที่เป็นลายคล้าย ๆ ตัวอักษรวัดสายตาวางขายอยู่ แต่จริง ๆ มันเป็นเนื้อเพลง Sweet Disposition ที่เราว่าน่ารักดี
พอได้พักดื่มน้ำปัสสาวะกันเรียบร้อยก็ได้เวลาของ Temper Trap ที่ขึ้นตรงเวลาอีกเช่นกัน เพลงเปิดตัวของพวกเขาในโชว์นี้คือ Thick as Thieves ซึ่งถือเป็นเพลงเปิด album นี้ของพวกเขาด้วย ต่อกันด้วย Love Lost ซึ่งป็นเพลงโปรดเราเลย แล้ววงก็โชว์ออกมาได้ดีมาก ๆ (เอาจริง ๆ คือดีทุกเพลงเลย ฮือ) ต่อกันด้วยเพลง Fall Together, Fader, Burn, Trembling Hands, Rabbit Hole ที่เราประทับใจท่อนปั่นกีตาร์ และรัวเบสในช่วงท้ายเพลงมาก แล้วพอมาถึงเพลง So Much Sky ที่เราชอบไลน์เบสในเพลงนี้เหลือเกิน อีกอย่าง Dougy Mandagi นักร้องนำของวง ก็ขอให้คนด้วยช่วยกันคอรัสในท่อนฮุก ซึ่งคนดูก็ร้องตามกันกระหึ่มฮอล ทำให้เป็นท่อนที่ขลังมาก อีกเพลงอย่าง Alive เป็นเพลงที่เรามาตั้งใจฟังวงเล่นสดเลย แล้วพวกเขาก็ทำได้ดีกว่าที่เราคิดไว้มาก ๆ อารมณ์พุ่งพล่านไปหมด ขนลุกสุด ๆ ก่อนจะจบพาร์ตแรกของคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปกับ Drum Song ที่นักร้องนำ Dougy Mandagi มาแจมในการตีกลอง คือเท่มากจริง ๆ แต่ในเมื่อเพลงเด็ด ๆ ทั้งหลายยังไม่ถูกบรรเลง ก็ต้องมีช่วงหลังอังกอร์อีกน่ะสิ วงกลับมาอีกรอบหลังจากที่ทุกคนโห่ร้องเรียกด้วยเพลง Soldier On, What If I’m Wrong และเพลงสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย Sweet Disposition เพลงประกอบภาพยนตร์วัยหวาน (500) Days of Summer ที่คนดูร้องตามกันดังมาก ๆ และดูอินมาก ๆ เรานี่น้ำตาซึมเลย
ส่วนตัวเราชอบการเรียง set list ของโชว์นี้มาก เป็นการผสมระหว่าง album ใหม่กับเก่าได้อย่างลงตัว (เสียดายที่ไม่ได้เล่นเพลง Lost แง) และวง perform ดีมากกว่าที่คิดไว้เกินไปหลายเบอร์ แต่เรื่องซาวด์คือถ้ายืนผิดตำแหน่งอาจจะล่มได้ (เราเลือกยืนโซนกลาง ๆ ไปทางหน้า ๆ หน่อยถึงจะได้ทุกองค์ประกอบครบ โดยก่อนหน้านี้โชว์ของ e.n.l และ scrubb คือซาวด์เป๋ไม่ไหวแล้ว) เสียงร้องของ Dougy Mandagi ดีไม่มีตก จะให้กระโดดไปกี่ออกเตฟก็ทำออกมาได้ดีงามไร้ที่ติ โชว์ของทั้งวงมีพลังและทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะพี่มือเบส Jonathon Aherne แต่ละลูกที่เอามาเล่นมันไม่ธรรมดาแล้ว สำหรับเราแล้วถือว่าเป็นโชว์ที่ควรค่าแก่การได้ดูสักครั้งในชีวิต ยิ่งใครที่เป็นแฟนเพลงของพวกเขาจะไม่มีคำว่าผิดหวัง
