Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

สิ้นสุดการรอคอย กับการได้ฟังเพลงฮิตสด ๆ จากศิลปินมากความสามารถ Tom Misch

  • Writer: Widthawat Intrasungkha
  • Photographer: Viji Corp

25 สิงหาคม 2561

เป็นคืนวันเสาร์ที่ฝนตกแทบตลอดช่วงเย็น แต่ก็ไม่ทำให้ย่อท้อต่อการไปดู Tom Misch ยอดมือกีตาร์ในดวงใจของใครหลาย ๆ คนในยุคนี้ ที่ Moonstar Studio 1 แม้การเดินทางจะทุลักทุเลนิดหน่อยแต่เราก็ฝ่าฟันมาถึงสถานที่จนถึงตอนเวลาประมาน 3 ทุ่ม แต่ไม่ทันเพลงแรก เราจึงรีบเข้าไปเข้าไปคอนเสิร์ต พบกับผู้คนแน่นจนเกือบจะล้นฮอลเลยทีเดียว

Tom Misch หนุ่มหล่อทักทายแฟนเพลงพร้อมเสียงกีตาร์นิ่ม ๆ แต่กรูฟเก๋ และเปิดโชว์ในคืนนี้ด้วยเพลง The Journey ต่อด้วย Colours of Freedom จากอัลบั้ม Beat Tape 2 และ I Wish ที่เริ่มบิลด์ให้คนดูโยกย้ายตามจังหวะกลองและเบส และต่างส่งเสียงเชียร์เมื่อทอมตอดอิมโพรไวส์กีตาร์อยู่บ่อย ๆ จากนั้นเริ่มขยับเข้าสู่อัลบั้มใหม่ Geography พร้อมเพลง In Runs Through Me ที่ทำให้ทุกคนต้องบิดตัวตามจังหวะเมโลดี้ แม้จะไม่มี De La Soul มา featuring ด้วย แต่ทอมก็เลือกที่จะโชว์ภาคดนตรีบิลด์คนดูตามจังหวะกลองที่ได้รับเสียงกรี๊ดอย่างล้นหลาม ก่อนที่จะเริ่มทักทายแฟนเพลงพร้อมแนะนำเพลงที่จะเล่นต่อไป ซึ่งเป็นเพลงช้าที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ฟังผ่านทาง YouTube Channel ของ COLORS อย่าง Man Like You ผลงานคัฟเวอร์ของ Patrick Watson ส่วนตัวเราชอบเพลงนี้มาก และประทับใจที่คนดูล้วนตั้งใจฟังด้วยความเงียบ อีกอย่างนึงที่ชอบมากคือไวโอลินของเพลงนี้ถูกบรรเลงโดยมือกีตาร์ของวง เพลงนี้ทำให้คนดูทั้งฮอลตกอยู่ในภวังค์โดยสิ้นเชิง

จากนั้นทอมได้มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการเรียกพี่สาวของตัวเอง Polly Misch ขึ้นมาร้องคอรัสในเพลง Movie ที่สำหรับเรา เป็นเพลงที่เพราะที่สุดในคืนนั้น เสียงของพอลลี่เติมเต็มให้เพลงมีความสมบูรณ์อย่างมาก เป็นเพลงที่หลาย ๆ คนในฮอลร้องคลอตามไปด้วยกันได้เกือบทั้งเพลง เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากเลยทีเดียวถ้าได้กุมมือแฟนระหว่างฟังเพลงก็คงจะดี ต่อมาเป็นการแจมกันระหว่างทอมกับนักดนตรีบนเวที เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้โชว์ความพริ้วกันเล็กน้อย มีการแอบแทรกเมโลดี้ของ Disco Yes เข้าไปบ้าง เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงที่รอฟังเพลงนี้

หลังจากนั้นเป็นไฮไลต์ของคืนก็ว่าได้เมื่อเสียงไวโอลินอินโทรของ South of the River ดังขึ้นมา ทุกคนในฮอลต่างขยับโยกย้ายไปตามจังหวะเพลง และฮัมเมโลดี้ตามไวโอลินกันอย่างสนุกสนาน สังเกตรอบข้างแม้ด้านหลังจะค่อนข้างแน่นและมีคนเข้าออกตลอดเวลา แต่ทุกคนต่างไม่สามารถทนอยู่นิ่งกับบีตสนุก ๆ ของเพลงนี้

ความร้ายกาจของทอมอย่างหนึ่งในคืนวันนั้น คือการปล่อยให้เครื่องดนตรีชิ้นอื่นได้โซโล่โชว์อย่างเต็มที่ ต้องบอกเลยว่าเขาได้แบ็กอัพที่เก่งและเก๋ามาก ๆ โดยเฉพาะมือกีตาร์ที่เล่นไวโอลินด้วย และคีย์บอร์ดที่โซโล่พริ้วกระจายในเพลง South by the River

จบเพลงยังไม่ทันขาดคำทอมก็ถามออกไมค์ “Are there any Stevie Wonder fans?” ก่อนที่จะบรรเลง Isn’t She Lovely ด้วยกีตาร์ของเขา แถมยังแอบแทรกเมโลดี้ของ Disco Yes กวนแฟนเพลงอีกแล้ว เรียกเสียงเฮได้อีกรอบ และกลับมาเมโลดี้เดิมเพิ่มเติมคือกีตาร์พริ้วมากกว่าเดิม ก่อนที่จะขึ้น Disco Yes จริง ๆ สักที ทำให้แฟนเพลงต่างชูไม้ชูมือเต้นตามกันยับ

เล่ามาตั้งนานยังเพิ่งถึงแค่กลางโชว์ ตาทอมก็งัดเพลงต่อมาเป็น Water Baby จากอัลบั้มใหม่ พร้อมกับขอบคุณแฟนเพลงที่ออกมาดูเขาในคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทย และต่อทันทีด้วย Crazy Dream ที่เรียกเสียงกรี๊ดดังลั่นพร้อมกับจังหวะบีตที่เร่งเร้าให้ขยับตัวมากกว่าเดิม และร้องตามกันเสียงดังฟังชัด ต่อมาก็เป็นการแจมเพลงเมดเล่ 90s hip hop ซึ่งทอมแอบแทรกเมโลดี้อินโทรของ Lost in Paris ไว้ในเพลงเรียกเสียงเฮได้บ้าง และต่อเนื่องด้วยกีตาร์โซโล่โดยทอมที่ทำให้รู้สึกว่าชายวัย 22 คนนี้ฝีมือไม่ธรรมดามาก ๆ วันนึงจะต้องก้าวขึ้นมาเทียบกับกีตาร์ฮีโร่รุ่นพี่อย่าง John Mayor แน่ ๆ แม้จะไม่ใช่คนที่โชว์โซ่โล่มากมาย แต่ทอมมีลูกเล่นในการโซโล่ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ด้วยการเล่นเล่นปุ่ม volume สร้างเสียง swell ที่ฟังดูเป็นซิกเนเจอร์เฉพาะของทอม ก่อนที่จะถอยตีคอร์ดเพื่อให้ไวโอลินได้โซโล่โชว์พร้อม fill in ด้วยโซโล่กลองที่เรียกเสียงตบมือจากคนดู ระหว่างนั้นทอมได้พูดขอบคุณแฟนเพลงอีก 4-5 รอบ ก่อนที่จะหนีหายเข้าไปหลังเวที

ทอมและชาวแก๊งวิ่งกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับกางเกงมวยตัวน้อยที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ เป็นพัก ๆ แต่ทันใดที่กีตาร์ขึ้นอินโทรของ Lost in Paris คนดูก็เฮลั่นและเตรียมตัวที่จะโยกตามอย่างทันท่วงที พร้อมกับตะโกนร้องรับ “You’re Lost in Paris” กันเสียงดังฟังชัด บรรยากาศในฮอลตอนนี้เต็มที่ไปด้วยความระอุและกลิ่นเหงื่อของคนเต้นที่เริ่มจะทำให้หายใจไม่ออก แต่เราก็ยังโยกตามกันอย่างไม่หยุดหย่อน

จบ Lost in Paris ไป ก็มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยด้วยการเล่นเพลง Happy Birthday ฉลองวันเกิดครบรอบ 65 ปี ของ Peter ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงาน ฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดดี นึกว่าเป็นวันเกิดตัวเอง

ต่อเนื่องกันด้วยเพลงต่อไป Follow บรรยากาศค่อนข้างเงียบจากการตั้งใจฟังโน้ตแต่ละตัวที่ทอมบรรเลงผ่านกีตาร์ของเขา ก่อนที่จะปิดค่ำคืนนี้ด้วยเพลงช้าจากอัลบั้ม Reverie EP อย่าง Watch Me Dance ที่ทุกคนปล่อยตัวกันเต้นตามจังหวะกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นการเต้นร่ำลาของผู้ที่รักเสียงเพลงในค่ำคืนนี้

หวังว่าเราจะเจอกันอีกนะ Tom Misch เป็นศิลปินไฟแรงที่คุณควรจะต้องหาทางดูให้ได้สักครั้ง ขอบคุณ Viji Corp ที่นำเข้าศิลปินดี ๆ มาให้เราได้ชมกัน

Facebook Comments

Next: