Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

โชว์ที่สองในกรุงเทพ ฯ ของ Unknown Mortal Orchestra ที่ไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่น้อย

  • Story and photo by Montipa Virojpan

เดี๋ยวนี้การไปคอนเสิร์ตของเรามักจะเป็นการ ‘ฟัง’ มากกว่าการ ‘ดู’

16113240_231645167293489_3182625956606465726_o

เหตุผลหลัก ๆ ที่จะอธิบายข้อความด้านบนได้มีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งคือคนดูจับจองพื้นที่ด้านหน้าเยอะ สองคือเราเป็นคนที่ส่วนสูงไม่ได้มาตรฐานหญิงไทยในปัจจุบัน สังเกตจากเด็กรุ่นน้อง ๆ สูงแซงหน้ากันไปหมดแล้ว เราเลยต้องใช้ประสาทหูในการรับรู้บรรยากาศโดยรวมของคอนเสิร์ตมากกว่าประสาทตาในเปอร์เซนต์ที่ห่างกันนิดหน่อย

มีหลายคนเห็นว่าการยืนตกหล่มคนดูของเราเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการรับชมคอนเสิร์ต เลยจะสละที่ด้านหน้าของพวกเขาให้ แต่บ่อยครั้งที่เราจะปฏิเสธความหวังดีเหล่านั้นเนื่องด้วยย่านเสียงในบริเวณที่สามารถมองเห็นศิลปินได้ชัดช่างไม่เอาไหนเสียเลย ก็เลยเลือกที่จะอยู่ตรงที่ได้รับเสียงได้ดีที่สุดก็พอ เพราะเหตุผลหลัก ๆ ในการมาคอนเสิร์ตน่าจะเป็นการได้ฟังการ arrange โชว์ที่ต่างไปจากสตูดิโออัลบั้มของศิลปินทั้งหลาย เพียงแต่ว่าการได้เห็นตัวเป็น ๆ และลีลาบนเวทีก็เป็นองค์ประกอบที่ทำให้โชว์มีความครบมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง และสถานที่ที่ทำให้เราประสบกับปัญหานี้บ่อยที่สุดคงจะหนีไม่พ้นคลับย่านอาร์ซีเอที่เป็น venue ปราบเซียนของคนทำซาวด์หลายคน แถมผู้จัดโชว์ก็มักเอางานมาลงที่นี่อยู่บ่อย ๆ รวมถึงโชว์ของ Unknown Mortal Orchestra เมื่อคืนนี้เช่นกัน ทำให้แฟนคลับอย่างเรา ๆ ไม่มีทางเลือกเท่าใดนัก

ย้อนกลับไปช่วงที่ทีม Medium Rare ประกาศการมาเยือนประเทศไทยครั้งที่สองของวงไซคีเดลิกป๊อป หลังจากเคยมาเล่นที่มงคลสตูดิโอเมื่อสามปีก่อนและสร้างความประทับใจให้เรามากในครั้งนั้น ด้วยลีลาโซโล่กีตาร์ของ Ruban Nielson ฟรอนต์แมนที่หยิบบทเพลงของวงจากอัลบั้ม self-titled และ II มาถ่ายทอดได้แบบจี๊ดจ๊าด ร้อนแรงแสบตูด แต่หนนี้พวกเขากลับมาพร้อมโชว์ที่คัดสรรเพลงจากอัลบั้มชุดล่าสุด Multi-Love ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนสไตล์ดนตรีให้มีความละมุนละไมแกมเปรี้ยวแซ่บ และสอดแทรกซาวด์อิเล็กทรอนิกมากยิ่งขึ้น ก็เห็นทีว่าถ้าพลาดครั้งนี้ไปจะต้องเสียใจแน่เลยรีบกดบัตร early bird ไปแบบไม่สนใจเรื่องสถานที่จัดงานก็ได้ ฮือ

img_9272

เมื่อมาถึงวันแสดงจริง เราตื่นเต้นมากกับการจะได้ดูโชว์นี้ แต่พอเวลาสามทุ่มที่ผู้จัดแจ้งว่าเป็นเวลาเริ่มงาน เหล่าผู้ชมด้านหน้ายังดูบางตา เราเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนั่งรออยู่ด้านนอกเพราะเห็นว่าวงแรกยังไม่ขึ้น จนเวลาประมาณทุ่มครึ่งที่มีทีมงานออกมาประกาศว่า The Whitest Crow กำลังจะขึ้นแสดง โชว์ของพวกเขาอัดแน่นไปด้วย 7 บทเพลง โดยเริ่มอุ่นเครื่องกันที่ Siam Psyche เพลงจากอัลบั้มใหม่ที่ใช้ประกาศศักดาคณะกาขาว เป็นการเริ่มจุดไฟในตัวผู้ชมให้พุ่งพล่าน ต่อด้วย Bangkok Blondie ตอนนี้ไลท์ติ้งเริ่มเล่นงานเราแล้วฮะ ไฟเมาไปตามบรรยากาศของเพลง แล้วจึงเป็นเพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ Can’t Get Any Higher ที่โทนดนตรีแตกต่างไปจากชุดก่อนพอสมควร

img_9270

ต่อด้วย Give Up On Love กับ Little Fox ที่ยังเป็นฟีลสนุก ๆ อยู่ ก่อนจะตัดไปเป็นเพลงช้า Forever Hide and Seek แบบที่เราไม่เคยเห็น The Whitest Crow ในโหมดนี้กันเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นคือเติ้ลนักร้องนำแผดเสียงในโน้ตที่สูงและทรงพลัง ดูสะเทือนอารมณ์ไปกับความหมายของเพลง และปิดท้ายด้วย Be With You ที่มีแฟนเพลงร้องตามกันได้ ที่น่าสังเกตคือคนส่วนใหญ่ที่ดูโชว์นี้จะเป็นผู้ชมชาวต่างชาติ ซึ่งพวกเขาก็ดูจะ enjoy กับเพลงของ The Whitest Crow อยู่ไม่น้อยเลย

img_9275

จากนั้นเราก็ต้องรอกันอีกพักใหญ่เพื่อให้ทีมงานได้เซ็ตเวทีสำหรับวงต่อไปให้เรียบร้อย เวลาห้าทุ่มตรง Unknown Mortal Orchestra เรียกคนดูให้เข้ามาอยู่ในฮอลกันได้อย่างรวดเร็วด้วยเพลง From The Sun จากชุด II ที่ปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับงานชุดใหม่ พร้อมไลน์กีตาร์โซโล่สุดโหดในเพลงนี้ที่เน้นอิมโพรไวส์ทำให้เห็นว่าพี่รูเบนแกมือไม่ตก ถือเป็นการเปิดเข้าโชว์ของ UMO โดยสมบูรณ์ เป็นการบิ๊วเข้าคอนเสิร์ตได้อย่างมีชีวิตชีวาและจากเสียงกรี๊ดเสียงร้องตามสุดดังก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะตื่นเต้นกับการกลับมาของพวกเขาจริง ๆ

img_9283

ต่อกันที่เพลงจากอัลบั้มชุดแรก How Can U Luv Me เพลงสนุกที่อาเรนจ์ใหม่ในสไตล์ที่ละมุนละม่อมมากขึ้นในต้นเพลง แต่ไปอัดของแรงกันที่โซโล่กลองระดับเซียน แล้วจึงเป็นเพลง Ur Life One Night งานจากชุดล่าสุดที่มีไลน์กีตาร์หลักติดหูสุดกวน ก่อนที่จะทักทายแฟนเพลงอย่างเป็นกันเอง แล้วกลับไปที่เพลงจากชุดแรกที่แค่ขึ้นท่อนแรกมาคนดูก็กรี๊ดแตกใน Thought Ballune แล้วต่อด้วย The World is Crowded ที่ทำเอาเราย้วยไปกับเพลงสไตล์นีโอโซลสุดน่ารักแต่แอบเซ็กซี่กับโซโล่แสบสันต์ให้ละลายไปตาม ๆ กัน จากนั้นจึงเป็นเพลงดังที่หลาย ๆ คนพากันร้องตามลั่นฮอลอย่าง So Good at Being in Trouble ที่นำมา re-arrange ได้เข้ากับชุด Multi-Love ซึ่งท้ายเพลงทิ้งช่วงอิมโพรไวส์ให้เราได้ล่องลอยกันไปกับซาวด์ฟังก์ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นบีทฮิปฮอปแบบ เฮ้ย เอางี้จริงดิ ซึ่งมันดีงามมาก ไม่คิดว่าจะดีไซน์โชว์และเรียบเรียงเพลงเล่นสดออกมาได้หลากหลายกลมกล่อมขนาดนี้

img_9285

UMO ไม่ได้ปล่อยให้ต้องคิดถึงงานจากชุดเก่า พวกเขาไม่ลืมที่จะหยิบ Swim and Sleep (Like a Shark) มาเล่นด้วย แล้วตอนนั้นเองที่รูเบนก็เดินลงมาจากเวทีเพื่อมาร้องเพลงและเต้นไปพร้อม ๆ กับคนดูที่อยู่ตรงกลางอย่างชื่นมื่น (นี่พิมพ์ไปขนลุกไปด้วย) คือนอกจากวงจะเป็นนักดนตรีที่มีฝีมือกันทุกคนแล้วยังน่ารักเป็นกันเองมาก แล้วกลับมาที่เพลง Stage Or Screen กับเพลงน่ารักที่มีท่อน ‘ลัลลั้นล้า’ ที่ทุกคนร้องตามกันพร้อมกับมีโซโล่คีย์บอร์ดที่ดีงามไม่ไหวจะอธิบาย ซึ่งเพลงนี้ก็มีการบรรเลงคีย์บอร์ดอย่างต่อเนื่องแบบที่เชื่อมไปอีกเพลงด้วยจังหวะแจ๊สอันแสนงดงาม ซึ่งเซอร์ไพรส์กันอีกระลอกด้วยการที่เพลงนั้นคือ Ffunny Ffriends อีกเพลงฮิตที่เรากับหลายคนรอบตัวไม่เหนียมอายอีกต่อไป กระโดดโลดเต้นและแหกปากตามหนักมาก (จริง ๆ คือเครื่องติดมาหลายเพลงแล้ว แต่มาสังเกตตัวเองทีอันนี้แหละ เหมือนจุดเริ่มต้นในการฟังเพลงของวงนี้มันมาจากเพลงนี้ด้วย) ความโหดคือตอนท้ายเพลงก็เป็นโซโล่คีย์บอร์ดแจ๊สเซ็กซี่แล้วตัดไปเป็นเป็นแจ๊สจังหวะน่ารัก แล้วยังแถมบีทฮิปฮอป เป็นแจ๊สฮอปโยกเท่ ๆ ไปอีกช่วงนึงยาว ๆ ก่อนจะปิดช่วงด้วยเพลง Multi-Love แบบที่แฟนเพลงฟินกันถ้วนหน้า

img_9289

ตอนที่สมาชิกวงทยอยลงจากเวที เหล่าแฟนเพลงก็ร้องเรียกอังกอร์กันทันที แล้วแฟนเพลงกลุ่มหน้าเวทีก็เอื้อมไปคว้าไมค์มาร้องอังกอร์อย่างเมามัน จนพวกเขาต้องออกมาบอกกับเราว่า “ขอบคุณครับ ทุกคนน่ารักมาก ดีใจที่ได้กลับมา” ได้ยินแล้วใจชื้นเลย ฮ่า ๆๆ ซึ่งเพลงที่พวกเขากลับมาเล่นให้พวกเราฟังคือ Like Acid Rain จากชุดล่าสุดในจังหวะฟังก์ใส ๆ แล้วปิดท้ายกันจริง ๆ ด้วย Can’t Keep Checking My Phone แบบที่อาเรนจ์ใหม่ให้เล่นเร็วขึ้นซะจนกลายเป็น Daft Punk ฟังก์ร็อกให้เราเต้นกันอย่างเมามันไม่ไหวแล้วววว

img_9291

จบลงไปอย่างสวยงามและฟินไปเป็นแถบ ๆ ทว่าก็มีความขัดใจอยู่บ้าง คือยังอยากให้ผู้จัดงานคำนึงถึงระบบเสียงและสถานที่เล่นกันอีกนิดเพราะในงานนี้ก็มีปัญหาทางเทคนิกเกิดขึ้นอยู่ประปราย คือเสียงขาด ๆ บ้าง หรือถ้าย้ายที่ยืนเพียงนิดเดียว ย่านเสียงเบสอาจจะลั่นมาก กลบเสียงร้อง หรือกีตาร์จะแหลมแสบหูไปเลย ก็รู้สึกว่า อย่างน้อยถ้าเรา ‘ดู’ ไม่เห็นเท่าไหร่แล้ว ก็ยังอยาก ‘ฟัง’ ซาวด์ดี ๆ เพื่อทดแทนกัน เพราะก็เสียดายว่าวงดนตรีเขาปั้นเพลงมาดีมากจริง ๆ

img_9293

สำหรับตัววงแล้ว แม้ว่าโชว์ในครั้งนี้จะมีกลิ่นอายที่ดู stylish ขึ้น เปลี่ยนไปจากครั้งก่อนที่วงยังประกอบด้วยสมาชิกสามคนและเป็นเพลงที่ดิบกว่านี้ บวกกับวัยที่ล่วงเลยทำให้ลีลาของพี่รูเบนไม่ได้จี๊ดใจและเคลื่อนไหวได้ไม่ค่อยพริ้วเท่าแต่ก่อน หรือเสียงร้องขาด ๆ หาย ๆ แต่ก็มีหลายช่วงที่เราได้เห็นพี่แกลงไปกอดกีตาร์เล่นกับเวทีให้เราใจชื้นกันบ้าง และนักดนตรีทุกคนก็เป็นยอดฝีมือที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเราได้ทุกช่วงโชว์จริง ๆ เป็นหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เล่นกันแบบ non-stop ไม่ให้หายใจหายคอ แต่คงความสนุกได้ตั้งแต่ต้นจนจบ  แต่จากโชว์ของพวกเขาเองแล้วก็ทำให้ยิ่งตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกับโชว์ครั้งต่อไป หาก Unknown Mortal Orchestra มีแผนจะมาเล่นที่ไทยอีก เราคงไม่ลังเลที่จะซื้อบัตรไปดูวงนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน

img_9299

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้