Article Story

เต็มอิ่มไปกับเพลงไทยฟิวชันคุณภาพในอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรก ‘๑๐ บาท’ ของกึมดากึม

  • Writer: Kunchanit Liengudom
  • Photographer: Chavit Mayot

หลังจากที่เราได้เคยพูดคุยกับ กึมดากึม กันไปเมื่อสองปีที่แล้วถึงซิงเกิ้ล กำเเพงดิน, ขยะคน และ คนจนหน้ามนต์ เวลาก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนตอนนี้อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขา ๑๐ บาท ก็ออกมาอยู่ในมือเราในที่สุด ด้วยส่วนผสมที่น่าสนใจของ กึมดากึม ตั้งแต่ชื่อวงที่ได้มาจากเนื้อเพลงจีน รวมถึงแนวเพลงไทยฟิวชันเนื้อหาเพื่อชีวิต ทำให้เรารู้สึกอยากติดตามทั้ง 13 เพลงในอัลบั้ม รวมถึงอีก 2 โบนัสแทร็คอย่างตั้งใจ

อาร์ตเวิร์กของอัลบั้ม ๑๐ บาท ได้รวบรวม element ความเป็นไทยต่าง ทั้ง รถเมล์ไทย, ยักษ์วัดแจ้ง, ไมโครโฟนผูกผ้าสามสี ฯลฯ และยังมีคอลลาจภาพนักบินอวกาศ ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเป็นวิชวลไกด์ที่นำไปสู่เพลงต่าง ในอัลบั้ม แต่ที่ว่ามานี่ก็ฟังดูไม่น่าเกี่ยวกันเลย ความเป็นไทยกับนักบินอวกาศเนี่ยนะ? แต่เชื่อเถอะว่าทั้ง 15 แทร็คนี้กลมกล่อมและฟังเพลินแบบรวดเดียวจบ อิ่มคุ้มกับดนตรีแบบจัดเต็มที่มีทั้งกีตาร์ เบส กลอง คีย์บอร์ด และทรัมเป็ตผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้านของไทย

เปิดอัลบั้มด้วยซาวน์หม่น ของเพลง Sleep และดนตรีชวนลอยในช่วงอินโทร เนื้อหาเพลงพูดระหว่างการตื่นและการหลับฝัน เมื่อการตื่นขึ้นมาทำให้เราต้องพบกับความเป็นจริง ต้องทำอะไรซ้ำซากหรืออดทนกับอะไรเดิม การนอนหลับฝันต่อไปจึงดูจะเป็นทางออกเดียว ในเพลงมีดีเทลเสียงนาฬิกาปลุกประกอบเนื้อเพลงในช่วงสั้น เสียงทรัมเป็ตบรรเลงแสดงความเศร้า บาดลึก จนช่วงท้ายที่ซาวด์ดนตรีและเสียงร้องค่อย หนักขึ้น Sleep นำคนฟังไปถึงจุดพีคของเพลงพร้อม กับการระเบิดอารมณ์ทั้งหมดออกมา

พักเบรคกับ Intro ด้วยเสียงกีตาร์อะคลูสติกฟังเพลิน เสียงร้องฮัมเบา ที่คลอไปกับดนตรีทำให้เรารู้สึกสบายใจ ก่อนจะต่อเนื่องด้วย ขยะคน ที่มีเนื้อหาเพลงโดดเด่น ซึ่งหากฟังความหมายโดยตรงแล้วก็คงไปกระตุ้นให้เราคิดอะไรบางอย่างได้ในประเด็นเกี่ยวกับสังคมและความเป็นอยู่ อย่างตัวเราเองก็นึกถึงเรื่องการกินทิ้งกินขว้าง แต่พอได้ฟังท่อนฮุคขอบคุณของเหลือที่เธอให้มา ประทังชีวิตของฉันซ้ำไปซ้ำมามันกลับได้อารมณ์เสียดสีบางอย่าง ทำให้เราตีความไปถึงเรื่องอื่น ในชีวิตได้อีก

คนจนหน้ามนต์ แทร็คที่ยาวถึงหกนาทีสี่สิบห้าวินาที กับดนตรีโซลผสมผสานเครื่องดนตรีไทยฝั่งอีสาน พูดถึงความขมขื่นของชีวิตคนจนที่ขัดสนไปเสียหมด ฟังดูคล้ายการบ่นระบายปัญหาชีวิตให้เพื่อน ฟังกันเองมากกว่าจะเป็นการด่าทอเพราะเสียงร้องที่ฟังได้เรื่อย ๆ ของ วิว ท่อนที่(โคตร)ติดหูคนฟังอย่างคนจนหน้ามนต์ คนจนหน้าจน คนมนต์หน้ามนต์ คนมนต์หน้าจนทำให้เราโยกตามและร้องคลอได้เรื่อย จนถึงช่วงครึ่งหลัง อารมณ์เพลงก็ค่อยๆพัฒนาขึ้น เสียงร้องโหยหวนระบายความคับแค้นใจประสานไปกับดนตรีร็อกจัดเต็มและเสียงทรัมเป็ตที่บรรเลงเสียดไปถึงใจ ก่อนที่องค์ประกอบทั้งหมดจะกลับมาที่เมโลดี้และซาวด์พื้นบ้านชุดเดิมช่วงเริ่มเพลงช่วยขับอารมณ์ให้ลดลงมาจนเพลงจบ

จากดนตรีน่ายักย้ายในคนจนหน้ามนต์ เปลี่ยนมู้ดมาล่องลอยไปกับ Contemporary Love ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงเสียงคีย์บอร์ดเพียว ในช่วงแรกทำให้เราจินตนาการถึงโมงยามช่วงค่ำคืน ยิ่งถ้าได้นั่งนิ่ง ฟังในห้องเงียบ โอย มันยิ่งทัช จับจิตกระทบใจจริง เสียงลีดกีตาร์ที่ขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังของเพลงเหมือนเป็นการเล่าและดำเนินเรื่องราวบางอย่าง ซึ่งก็ถูกเล่าด้วยลีลาพริ้ว เรื่อยไปจนถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง  นำไปสู่ กำแพงดิน ที่เชื่อมกันด้วยดนตรี จากภาพนามธรรมที่ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างในแทร็คที่แล้วก็ถูกทำให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเพลงนี้ กำแพงดินบอกเล่าเรื่องราวความเริงรมย์และการเสพสุขจากความรักชั่วคราวของชายหนุ่มคนหนึ่งได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด

ต่อด้วย เปิงสะเดิด ซึ่งเป็นอีกแทร็คนำร่องให้กับเพลงต่อไป แค่ชื่อเพลงก็พอจะได้ฟีลลิ่งและกลิ่นอายไทย บางอย่างแล้ว เสียงทรัมเป็ตเป็นเมโลดี้ผสานไปกับดนตรีจากวงกลองยาวทำให้เราเห็นภาพคล้ายงานฉลองประจำปี ที่มีชาวบ้านเดินแห่เรียงแถวฟ้อนรำกันอย่างครื้นเครงมาไกลๆ ต่อเนื่องกับเพลงถัดมาอย่าง ไทยบันเทิง ด้วยเสียงทรัมเป็ตเปิดตัวอลังการไปพร้อมกับกลองและซาวด์กีตาร์ มีเสียงโห่ฮิ้วรับส่งกันที่แสดงความสนุกสนานแบบไทย เนื้อเพลงพูดถึงความบันเทิงในแบบที่เราคนไทยเท่านั้นที่จะเข้าใจ ดูเป็นการปลุกใจให้รักชาติอยู่นิด เหมือนกัน โดยส่วนตัวชอบท่อนพรีฮุคที่ร้องว่าเกี่ยวกับ! เกี่ยวกับ! เกี่ยวกับ! เกี่ยวกับ! เกี่ยวกับ ๆๆ…’ รู้สึกว่าคนฟังจะสามารถโยกและโพสค้างตามจังหวะได้ ไทยบันเทิงพูดถึงความสุข ความสนุกสนานแบบบ้าน ที่เราสามารถเก็บเกี่ยวมันได้ ตอนนั้น  ก็เหมือนกับที่เราสามารถเอ็นจอยไปกับเพลงนี้ได้ วินาทีที่ฟังนั่นแหละ ยาวต่อไปกับแทร็ค ลาลาลา ที่มีจังหวะเท่ ชวนโยกตามลาลาลาลาลาที่ร้องซ้ำไปมาช่วงหลังค่อย ถูกเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย จนแทบตามไม่ทัน แต่ก็มันซะจนคิดว่าถ้าได้นำเพลงนี้ไปร้องเล่นกับเพื่อน ก็น่าจะบันเทิงแบบวายป่วงดีเหมือนกัน

ตัวผมก็เป็นแบบนี้ตัวผมก็เป็นแบบนี้จะให้พวกผมนั้นทำยังไง บางทีไม่มีแก่นสารไม่มีสัมผัสคล้องจองใด แต่ทำแล้วสบายใจ ก็ทำไปไม่ต้องสนใจใคร

Guardian of the Galaxy แทร็ค instrumental อินโทรอีกหนึ่งแทร็คที่โคตรจะเท่  เสียงซินธ์ช่วงเริ่มเพลงทำให้เราเห็นภาพสเปซกว้าง ในอวกาศ ดาวเคราะห์หมุนเคว้งคว้าง ดวงอาทิตย์เปล่งแสงระอุ เสียงกีตาร์และคีย์บอร์ดที่เริ่มขึ้นเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นในการเดินทางออกจาก สถานีศรีวิไล ที่พาเราหลบหนีจากชีวิตเมืองแสนวุ่นวายแล้วออกไปผจญและชื่นชมสิ่งต่าง ข้างนอกด้วยความที่เนื้อหาเพลงบางส่วนพูดถึงจุดหมายปลายทางที่อยู่นอกโลกบวกกับซาวน์ดนตรี neo-psychedelia ที่พอมาผสมกับเมโลดี้ร้องหรือลิกกีตาร์ทำให้เรานึกถึงวงป๊อปร็อกยุค 80s พวกนูโวหรืออะไรแบบนั้น ในช่วงพีคของเพลงทำให้เราจินตนาการภาพว่าพาหนะของการเดินทางครั้งนี้น่าจะเป็นจรวดอวกาศ ที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าและพุ่งทะยานสู่โลกอีกฟากฝั่งอย่างอิสระ นำไปสู่แทร็คที่ 13 Time to Say Goodbye ที่บอกลากันด้วยเสียงทรัมเป็ต ชวนให้เราปล่อยใจตกอยู่ในความคิดและห้วงคำนึง

แต่เดี๋ยว! ยังไม่จบง่ายๆหรอก กึมดากึม ยังมีอีกสองโบนัสแทร็คซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นซาวน์แอมเบี้ยนล้วน ชื่อแทร็คว่า STU. B ชื่อเดียวกับสถานที่บันทึกเสียงเพลงในอัลบั้มนี้ ก่อนจะเซย์กู๊ดบายกัน (จริง ) ด้วย แมว เพลงที่ทางวงบอกเอาไว้เองเลยว่าเป็นเพลงที่น่ารักและเรียบง่ายที่สุดในอัลบั้ม (mv เพิ่งออกมาด้วย อยากชวนให้ไปดูกัน)  สไตล์การร้องและดนตรีบางส่วนทำให้นึกถึงเพลงไทยสมัยก่อนที่มีความชวนฝันอยู่น้อย ชวนเคลิ้มอยู่หน่อย เนื้อหาเพลงพูดถึงความเอาแต่ใจของสัตว์เลี้ยงขนฟูเจ้าของชื่อเพลง แต่เราเองพอได้ฟังท่อนฮุคซ้ำไปซ้ำมา ประโยคแต่สุดท้ายฉันมันแค่ทางผ่านของเธอก็ทำให้เราไม่ได้นึกถึงแค่น้องเหมียวที่บ้านแล้วล่ะ

ถึงแม้ชื่ออัลบั้มนี้จะเป็นตัวเลขราคาที่น้อยเกินไปมากหากเทียบกับราคาคุณภาพของมัน แต่ ๑๐ บาท กลับเข้าถึงง่ายเหมือนการใช้เหรียญสิบหยอดตู้หมุนไข่เพื่อแลกกับสิ่งที่เฝ้ารอและคุ้มค่าแก่การครอบครองจริง ๆ

  

Facebook Comments

Next:


Kunchanit Liengudom

นิดหน่อย อินเทิร์น ณ ฟังใจ, สิงหา-กันยา ปี 61 ช่วงที่เพื่อนฝึกงานออกกันไปหมดแล้ว รักการดูหนัง ชื่นชอบการฟังเพลงที่ร้องตามได้เป็นพิเศษ