Article Story

Review 13 เพลงจากอัลบั้ม First Kit ที่ทำให้ความรู้สึกต่อ Two Pills After Meal เปลี่ยนไป

  • Writer: Montipa Virojpan

เรารู้จักกับวงดนตรีที่ชื่อ Two Pills After Meal เมื่อเกือบ ๆ สองปีก่อนเห็นจะได้ ความรู้สึกแรกที่มีต่อวงนี้เมื่อได้ฟังเพลง เข็มฉีดยา ซิงเกิ้ลแรกที่พวกเขาปล่อยออกมาก็คือ ‘เพลงแปลกสัส ๆ เลยว่ะ’ แล้วก็เป็นอย่างนั้นกับทุกเพลงที่ปล่อยตาม ๆ กันมา แต่ในความแปลกนี้เองที่ทำให้เราจดจำเอกลักษณ์ของวงนี้ได้อย่างขึ้นใจ ทั้งการร้องสลับระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะมีให้ฟังเท่าไหร่ในทุกวันนี้ และดนตรีอิเล็กทรอนิกที่ถูกปรุงออกมาอย่างพิถีพิถัน แม้ว่าคำแรกจะมีรสชาติปะแล่ม ๆ แต่ถ้าลองฟังไปเรื่อย ๆ นี่คงจะเป็นอาหารไม่กี่ชนิดที่เราฟังได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ

และเมื่องาน Cat Expo ที่ผ่านมา Two Pills After Meal ได้วางจำหน่ายอัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขาอย่าง First Kit กับ 13 เพลงอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดดนตรี ความหลากหลายในท่วงทำนองและความคิดสร้างสรรค์ที่พุ่งกระฉูด โดยเราจะขอเล่าความรู้สึกหลังจากที่ได้ฟังแต่ละเพลงแบบตรง ๆ ไม่มีกั๊ก

back_firstkit

เริ่มกันที่แทร็คแรกอย่าง รฟท ที่หลายคนคงเคยได้ฟังกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยอินโทรติดหู เมโลดี้หลอนป่วนของคีย์บอร์ดแต่ใช้ซาวด์กรุ๊งกริ๊ง ขัดกับเบสแตก ๆ และดนตรีที่อัดความเป็นร็อกแบบหนัก ๆ ในท่อนฮุก ส่วนท่อนท้ายก็ปรับจากท่อนหลักให้มีลูกเล่นเท่ ๆ พร้อมทั้งเนื้อเพลงที่เนื้อหาเป็นการเปรียบเปรยรถไฟ การเดินทาง กับการเริ่มทำอะไรสักอย่างเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ไม่ต้องรีรอหรือลังเล ซึ่งโดยรวม ๆ แล้วทั้งความหมายโดยตรงหรือโดยนัยก็ไม่น่าจะแต่งให้มาเกี่ยวข้องกับดนตรีแบบนี้ได้ แต่พวกเขาก็ขัดทุกขนบที่คุณคิดว่าควรจะเป็นแล้วทำออกมาในแบบใหม่ที่ฟังกันอยู่นี้ได้อย่างน่าสนใจ ถือว่าคิดถูกที่เลือกมาเป็นเพลงแรก เพราะเหมือนเป็นสัญญาณให้เราเริ่มออกสตาร์ทไปพร้อม ๆ กับพวกเขาในอีก 12 เพลงข้างหน้า

ดาวอังคาร เพลงจังหวะกลางที่ต่อกันเปิดมาด้วยเสียงทุ้ม ๆ คลอไปกับคีย์บอร์ดพริ้ง ๆ เราชอบการที่ดนตรีบรรเลง ๆ อยู่แล้วก็มีช่วงหยุด ความเงียบหรือการเว้นตรงนั้นแหละทำให้เพลงมีความเท่ได้โดยไม่ต้องเพิ่มอะไร หรือจังหวะ การแบ่งจังหวะให้ร้องลงบีทต๊ะ ๆๆ ในหลาย ๆ ท่อน กลิ่นอายฟังก์วินเทจ ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยเสียงเปียโน กับซาวด์ซินธ์ร่วมสมัยทำให้เพลงเชยได้อย่างมีเสน่ห์ คือก็ไม่ได้ 80s จ๋า แต่ก็ไม่ได้ใหม่จนเกินไป แล้วยังมีเสียงวี้ ๆ คล้ายสัญญาณดาวเทียมอะไรแบบนั้นยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศในเพลงได้ดี

ต่อกันที่ Weekend อิเล็กทรอนิกที่ดูจะป๊อปสุดในอัลบั้ม และเป็นบีทที่เต้นได้ แม้ดนตรีอะไรจะออกเท่มากกว่าจะสดใสสีชมพูหวานแหวว แต่ความรู้สึกมวลรวมทำให้คิดว่านี่เป็นเพลงที่เหมาะกับความรักที่โตขึ้นมาหน่อย แต่โหยหาการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงเหมือนตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ประกอบกับเนื้อเพลงที่ประมาณว่า วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันที่คนใกล้ชิดจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก่อนที่วันธรรมดาทั้งห้าจะพรากให้จากกันด้วยภาระหน้าที่การงานอันแสนหนักหน่วง ก็ได้แต่เฝ้ารอให้วันหยุดสุดสัปดาห์หวนกลับมาอีกครั้ง

สาย ขึ้นมาด้วยเสียงกลิตช์แบบอุปกรณ์ดิจิทัล ทำให้เราคิดถึงเพลงสมอลรูมยุคแรก ๆ ที่จะทำเพลงอิเล็กทรอนิกป๊อปจังหวะสนุกในสไตล์ชิบุย่าเกะออกมาซะเยอะจนกลายเป็นซิกเนเจอร์ของค่ายในช่วงนึง ซึ่งถ้าจะยกให้เพลงนี้เป็นแบบนั้นก็ทำได้สบาย ๆ เพลงนี้ฟัง ๆ ไปก็จะได้กลิ่นอายคล้าย 15th Scenery ในแบบที่หนักหน่วงกว่า ซึ่งเราประทับใจกับแทร็คนี้เป็นพิเศษ

มาที่เพลงจังหวะหนักหน่วงขึ้นมาหน่อยกับ เสียงรบกวน แต่เพลงนี้ไม่ได้รบกวนการฟังของเราแต่อย่างใด เพราะเหมือนเป็นช่วงที่หูของเราถูกปรับให้ชินกับบรรยากาศเพลงของ Two Pills After Meal เป็นที่เรียบร้อยในแทร็คที่ 5 นี้ แต่สำหรับเราแล้วเพลงนี้อาจไม่ได้เป็นตัวท็อปของอัลบั้ม แต่ความบาลานซ์และสม่ำเสมอในทำนองที่เหมือนจะร้องซ้ำวนลูปไปเรื่อย ๆ มันกลมกลืนกันดีตลอดเพลง ทำให้เพลงนี้เท่อย่างเรียบง่าย คือไม่ต้องเฟี้ยวฟ้าวมาก ใช้ความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในเลเยอร์ที่แทรกมาอย่างแนบเนียนทำให้เพลงไม่ธรรมดาเลย

แม้จะผ่านมาครึ่งทางแล้ว เรายังสนุกกับการค้นพบเสียงใหม่ ๆ จากพวกเขาอยู่เลย ซึ่ง เข็มฉีดยา คือเพลงแรกที่ทำให้เรามาเจอกัน พลังที่ได้ฟังในรอบนี้ต่างกับหนแรกโดยสิ้นเชิงที่ตอนนั้นเราว้าวมาก แต่ตอนนี้มันอิ่มตัวแล้วเพราะได้ผ่านหูมาระยะนึงและได้ลองฟังเพลงที่ไม่เคยปล่อยออกมา สำหรับเรานี่อาจจะเป็นแทร็คที่เท่ในช่วง intro, verse แรกและ verse หลัง รวมถึงช่วงที่ปล่อยเป็นดนตรีเปล่า ๆ เพราะความรู้สึกลึก ๆ คือวงนี้เป็นวงที่ทำเพลงมีเนื้อร้องเยอะ ซึ่งเราจะไม่ค่อยโอเคในความเยอะจากความหมายและเสียงร้องที่จะไปกลบดนตรีเสียหมด ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็สอบผ่านโดยที่ดนตรียังเป็นส่วนพุ่งนำอยู่ ขณะที่เนื้อร้องต่าง ๆ ก็เป็นสีสันประกอบให้เพลงมีความเปรี้ยวซ่าตามสไตล์ของวงเท่านั้น

มาถึงเพลง หายใจ เพลงที่ช้าที่สุด และเป็นอิเล็กทรอนิกน้อยที่สุดในอัลบั้ม แค่อินโทรก็ขนลุกแล้วจริง ๆ เพราะเราแอบได้ยินเสียงกีตาร์ที่เหมือนจะ reverse คลอประกอบไปกับเสียงเปียโนและการร้องคลอเบา ๆ สำหรับเนื้อร้องในเพลงนี้เป็นอะไรที่โหดมากนะ การเรียบเรียงท่อนร้องแบบนี้ถ้าใครเฮิร์ท ๆ อยู่อาจตายได้ เสียงจากคันชักโหยหวนยิ่งเป็นอะไรที่กรีดแทงลงไปแบบจะขาดอากาศหายใจ ไลน์กีตาร์ที่ค่อย ๆ เกาขึ้นมา เป็นการเผยตัวออกมาทีละนิด และในช่วงครึ่งเพลงก็เริ่มออกมามากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความขนลุกได้เป็นระยะ ๆ ต้องขอขอบคุณ เบิร์ด Desktop Error ที่มาช่วยสร้างความขลังและบรรยากาศดาร์คหม่นในเพลงนี้ให้ไปถึงจุดที่มันควรจะเป็น

เปลี่ยนอารมณ์กันบ้าง โดยอัพบีทขึ้นมาอีกนิดนึงที่เพลง เงียบ เป็นอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ใส่ซาวด์ซินธ์เข้าไปเป็นแอมเบียนท์คลุมไปทั้งเพลง จนช่วงหลังดีดความเป็นอิเล็กทรอนิกกลับมาได้เฉยเลย แอบมีกลิ่นเป็นไซคีเดเลียป๊อปจาง ๆ ด้วย น่าสนใจมาก แต่ด้วยความเป็นป๊อปทั้งโครงสร้างและเนื้อหาที่เป็นเบสหลักจึงทำให้เพลงนี้เข้าถึงได้ง่าย แต่ดนตรีเขาก็ไม่ธรรมดาหรอกนะ

ทนไม่ไหว เพลงที่ต้องร้องงู้ยให้เลยตอนฟัง ขึ้นมาเท่มาก ชอบจังหวะกลองกับเบสดุ่ม ๆ และคีย์บอร์ดซินธ์ที่มีความเป็นยูโรดิสโก้จังหวะกลาง ๆ กับความเต้นได้พองามในเพลงนี้ ยิ่งการเปลี่ยนบีทในท่อนกลางยิ่งทำให้เพลงนี้มีกิมมิกน่ารัก การประสานเสียงแล้วดึงท่อนร้องให้สูงแบบ อยากเจอมาก ๆ อ้ะ ทนไม่ไหวแล้วววว คือให้ความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ยิ่งช่วงท้ายเพลงที่เป็นบีทรัว ๆ แบบนั้นยิ่งเต้นสนุก

ต่อกันกับเพลง Domino เป็นงานจังหวะเร็วที่มีความเป็นวงอินดี้ร็อกวัยรุ่นอเมริกันสุด ๆ การเคาะไม้กลองตอนต้นเพลงก็ใช่มาก คือถ้าเอาเพลงนี้ไปเล่นงาน home coming หรือ prom จัดในโรงยิมโรงเรียนคงจะเข้า ชอบที่มีเสียงซินธ์เบสแตกพร่าเดินไปตลอดเพลง แถมด้วยท่อนที่เอาไปทำเป็น stadium rock ได้แบบสบาย ๆ

คือต้องบอกเลยว่าครึ่งอัลบั้มหลังของ First Kit เป็นการเซอร์ไพรส์เราในหลาย ๆ เพลง อย่าง Come On นี่ก็เป็นกรคูลดาวน์กับเพลงจังหวะกลาง ที่ในเราก็ไม่รู้ว่า intro จะนำไปสู่ verse ที่เป็นเมโลดี้น่ารัก ให้ความรู้สึกเป็นเพลงสมอลรูมเมื่อหลายปีก่อนอีกเพลง อีกทั้งคีย์บอร์ดซินธ์ที่ทำซาวด์ออกมาได้คล้ายเสียงใน Nintendo Game Boy แล้วเริ่มบิ๊วเข้าท่อนฮุคที่ดีดดิ้นได้ แบบ โอ๊ย วัยรุ่นสดใสดีจังเลย

มาถึง Reflect เพลงบรรเลงเพลงเดียวในอัลบั้มที่ถือเป็นการขมวดปมของทั้งอัลบั้มด้วยการกลับมาเป็นอิเล็กทรอนิกเท่ ๆ ร่วมสมัยในแบบที่คุ้นเคย แต่แอบใส่กลิ่น 80s เข้าไปด้วยนิดนึงตรงท่อน ตึง ดึ่ง ดึง ดึ๊ง แต่โดยรวมแล้วมันคือเพลงไร้เนื้อที่ทำให้เราขนลุกได้ในทุกห้อง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนบีท การเพิ่มเลเยอร์ดนตรี แม้แต่ความเงียบของมัน แล้วอยู่ดี ๆ ก็ ตู้ม! กลับมาที่ซาวด์หนักหน่วงอีกครั้งเป็นการปิดท้าย ส่งสัญญาณว่าเราเข้ามาถึงช่วงสุดท้ายของอัลบั้มนี้กันแล้วนะ แต่ยังมีอะไรให้ติดตามต่ออีกแน่นอน อย่าเพิ่งรีบไปไหน

ปิดท้ายกันที่แทร็คสุดท้ายอย่างเพลง อย่าให้เลือนหาย เหมือนเป็นการขอบคุณแฟนเพลงอยู่กลาย ๆ และปิดท้ายอัลบั้มอย่างสวยงาม เป็นเพลงบอกลาที่เศร้าแต่ก็ยังยิ้มได้ แบบที่พูดว่า ‘Keep memories alive’ ให้เก็บทุกความทรงจำที่ดีเอาไว้แม้ว่าต่อจากนี้มันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกแล้ว เข้ากับท่วงทำนองที่สวยงามแต่หม่นและขมขื่นแบบปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ

จากที่ได้ฟังทั้งหมด 13 เพลงของ Two Pills After Meal น่าจะทำให้รู้จักพวกเขามากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เราได้เข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการนำเสนอและถ่ายทอดออกมา และคิดว่าวงนี้ไม่ใช่แค่วงที่อยากจะทำอะไรใหม่ให้หลุดโลก พวกเขาแค่ลองฉีกกฎบางอย่างโดยใส่ความไม่คุ้นเคยลงไปในสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดี อย่างเพลงที่มีความเป็นป๊อป พวกเขาก็ทำมันออกมาให้เป็นป๊อปที่ฟังแล้วไม่เลี่ยน ใส่เนื้อหาในเพลงที่เป็นการเปรียบเปรยเข้าไป เพลงที่ซาวด์ใหม่มาก ๆ ก็ไม่ได้ประหลาดเกินไปจนต้อนเบือนหน้าหนี หรือเพลงเท่ ๆ มีความเป็นแบนด์ก็มีให้ฟังได้ในอัลบั้มนี้ หรือแม้แต่เพลงบางเพลงก็ทำให้เราหวนกลับไปนึกถึงวันวานที่เคยหวานฉ่ำได้โดยไม่รู้ตัว เอาง่าย ๆ ว่า Two Pills After Meal เป็นวงที่ทำเพลงอิเล็กทรอนิก ป๊อป ร็อก ออกมาในหลากสไตล์ แต่สอดแทรกกลิ่นอายให้ไม่หนีขาดจากกันได้อย่างดีเยี่ยม

first-kit-cover

เอาล่ะ ใครที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้เราต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่ให้ความสนใจกับอัลบั้มเต็มของพวกเขา (หาฟังแบบเต็ม ๆ ได้ใน ฟังใจ แล้วนะ) แต่เหนือสิ่งอื่นใด จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามกับสิ่งที่เราเขียนมา ก็อยากให้ลองฟังทั้ง 13 เพลงนี้ดูก่อน การที่คุณลองฟังมันเนี่ยแหละจะเป็นเครื่องพิสูจน์บทเพลงของพวกเขาที่ดีกว่าการให้เรามาบอกให้คุณชอบเสียอีก 😉

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้