Article Interview

Ghost ร็อก(ผี)ดุที่ไม่เคยหลอกตัวเอง

  • Writer: Malin Jairakthongtheaw
  • Photographer: Ghost Band, Me Records

เปิดเผยตัวตนขาร็อกฝีมือพระกาฬกับการเดินทางครั้งใหม่ในนามวง Ghost ของ โอ่ง, เก่ง,หนีด อดีตสมาชิก AB Normal และ เอก นักร้องนำ Sleeping Sheep ต้องบอกว่าเดือดกันตั้งแต่วันแรกของการปล่อยซิงเกิ้ล อย่ามาหลอกหลอนฉันอีก  ที่ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงอย่างถล่มทลาย ไต่ขึ้นชาร์ต iTunes อันดับ 2 ภายใน 3 ชั่วโมง!

16105691_1755082321476902_412871759971212894_n

สมาชิก

เอก—สุทธิเทพ สัตนาโค (ร้องนำ)
เก่ง—นที แสนทวี (เบส)
โอ่ง—วิสารท กุลศิริ (กีตาร์)
หนีด—สิทธิพันธุ์ บุญจันทร์ (กลอง)

 

จุดเริ่มต้น

โอ่ง: หลังจากที่ AB Normal มีการยุติแยกย้ายกันไป ผมกับเก่งก็ยังอยากเล่นดนตรี ทำงานด้านดนตรีกันอยู่ เลยเริ่มคุยกันว่าจะยังไงกันดี ถ้าจะฟอร์มวงใหม่มันต้องเริ่มจากหาสมาชิกก่อน เลยประกาศออดิชันมือกลองขึ้นมาทางเฟซบุ๊กของเราเอง ตอนนั้นก็มีทั้งเพื่อนในวงการและรุ่นน้องหลายคนแมสเสจมาถาม หนึ่งในนั้นคือหนีด ซึ่งหนีดเองก็เป็นสมาชิกดั้งเดิมตั้งแต่ AB Normal อยู่แล้ว คือเป็นคนที่เรารู้สึกตกใจเหมือนกันนะ เพราะตอนที่เริ่มคิดทำกับเก่งไม่ทันได้นึกถึงใครเท่าไหร่ ตอนออดิชันมือกลองก็มีนัดกันเข้ามาหลายคนเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ได้หนีด ส่วนหนึ่งก็เพราะความที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ที่ยังต้องออดิชันก็เพราะต้องเช็กก่อนว่าเขายังเล่นได้อยู่หรือเปล่า ยังเล่นไปในทิศทางเดียวกับเราได้ไหม

นักร้องนำคือ เอก Sleeping sheep

เก่ง: มันสืบเนื่องมาจากตอนออดิชันมือกลอง เพราะวงใหม่มันต้องเซ็ตทีมใหม่ขึ้นมาหมดเลย นักร้องตอนนั้นในใจผมก็คิดถึงเอกอยู่แล้วเพราะก่อนหน้านี้มีโอกาสได้ไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตก็รู้สึกประทับใจ คิดอยู่ว่าคนนี้ร้องดีนะ แอคติ้งก็ดี ความจริง Sleeping Sheep กับวงผมรู้จักกัน เป็นเพื่อนเก่ากันอยู่แล้ว ก็ได้เจอกันบ่อย ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเอกเท่าไหร่ พอถึงวันที่เราต้องหานักร้องก็นึกถึงเอกขึ้นมาคนแรกเลย แต่ยังไม่ได้บอกโอ่ง คือลองหาหลาย ๆ คนมาก่อน หานักร้องมาประมาณสามสี่ห้าคนก็ยังไม่ถูกใจ สุดท้ายเลยบอกโอ่งว่า จริง ๆ มีอีกคนหนึ่งในใจ แต่เก็บไว้ กะว่าเนี่ยถ้าไม่มีจริง ๆ จะบอกชื่อเขาออกมา ก็บอกโอ่งไป โอ่งเห็นโอ่งก็สนใจเลยนัดเอกมาคุยกัน

โอ่ง: การเริ่มต้นเดินทางต่อของผมกับเก่งเนี่ย สิ่งหนึ่งที่นึกถึงก่อนที่เราจะหาสมาชิกเข้ามาคือ นอกจากฝีมือในการเล่นดนตรีแล้ว ผมรู้สึกว่าไอ้เคมีของการเป็นเพื่อนกันหรือเคมีของการพูดคุยกันในครั้งแรกค่อนข้างสำคัญ อย่างตอนที่เราได้ลองคุยกับน้อง ๆ นักร้องหรือว่ามือกลองคนอื่น ๆ บางคนเก่งเลย บางคนร้องดีมาก แต่เหมือนมีบางอย่างที่รู้สึกว่ายังไม่ใช่ มันคนละแบบ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเขาผิดนะครับ อันนั้นเป็นเรื่องที่ผมกับเก่งดันผสมรวมกันแล้วได้สารบางอย่างที่มันเอกฉันท์แล้ว

ตอนนี้รู้สึกลงตัวแล้ว

โอ่ง: ใช่ ตอนนี้พอคุยกับเอกแล้วมันลงตัว แต่อนาคตก็ไม่รู้นะ (หัวเราะ) ตอนนี้ยังลงตัวดีกันอยู่

การกลับมาครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนยังไง เพราะแนวเพลงของ AB Normal และ Sleeping Sheep ค่อนข้างไม่เหมือนกัน

โอ่ง: เป็นคำถามที่ตอบยากมากทุกครั้งเวลาที่ทำวงใหม่หรือมีเพลงใหม่ (หัวเราะ) ดนตรีก็เป็นร็อกนี่แหละครับ เพียงแต่ว่าคราวนี้ทุก ๆ อย่างที่อยู่ในเพลง เราจะคุยกันก่อนว่ามันควรเป็นอะไรที่เราสะสมกันมา เราเล่นดนตรีออกมาเป็นแบบไหนได้บ้าง ก็ใส่ลงไป มาแชร์กันให้มันอยู่ในวง ๆ นี้  ให้มีความพอดี อันที่จริงก่อนหน้านี้พอเริ่มรู้ว่านักร้องนำเป็นเอกก็มีหลายคนถามเหมือนกันว่าเพลงมันจะเป็นยังไง เพลงมันจะเป็นเหมือน AB Normal หรือเอกจะว้ากมั้ย จะร้องโหด ๆ มั้ย บางอย่างต่อให้เราจะทำในลักษณะยังไงก็ตาม มันจะเหมือนมีสิ่งที่ติดตาม ติดตัวเรามาอยู่แล้ว มันคือซิกเนเจอร์ของแต่ละคน ซึ่งไอ้ส่วนนั้นแหละที่มันจะอยู่รวมขึ้นมาในวงใหม่ของเราด้วยครับ

เก่ง: มันจะผสมกันมากกว่า เพราะเราแชร์ความสามารถของแต่ละคน มารวมกันแล้วทำให้มันอยู่ด้วยกันแบบพอดี

ชื่อวง Ghost

เก่ง: มันมีคำ ๆ หนึ่งที่ผู้ใหญ่หลายคนชอบพูดเวลาวงดนตรีมีการเปลี่ยนนักร้องนำก็เหมือนวงที่หัวขาด เลยมาตีความว่า ไหน ๆ ก็เป็นวงหัวขาดแล้ว หัวขาดมันก็คือผีป่ะวะ ซึ่ง ณ วันที่เลิก ผีตัวนี้มันยังไม่อยากเลิกเล่นดนตรี เลยตัดสินใจว่าเป็นวิญญาณนี่แหละ วนเวียนอยู่ในวงการนี้ไม่ไปผุดไปเกิดดีกว่า ชื่อ Ghost ก็เลยมาครับ

Ghost เป็นตัวตนของเราจริง ๆ ใช่ไหม

โอ่ง: อันนี้คือโจทย์แรกเลยที่ผมกับเพื่อน ๆ คุยกัน อย่างผมเองตั้งแต่วง Rampage มาเป็น AB Normal แล้วเริ่มต้นใหม่เป็น Ghost เนี่ย จะมีเพื่อนถามอยู่เรื่อย ๆ ว่า มึงยังไม่เลิกอีกเหรอ มึงยังอยากเล่นดนตรีอีกเหรอ แต่ส่วนตัวผมเล่นดนตรีมาจนรู้สึกว่าไม่อยากไปทำอย่างอื่นแล้ว เลยรู้สึกว่าการทำวงใหม่ครั้งนี้มันควรเป็นอะไรที่เราอยากจะทำจริง ๆ ได้แล้ว เพราะมันเป็นการได้เริ่มต้นใหม่จริง ๆ ตัวผมเองก็จะใส่ในสิ่งที่ผมอยากให้มันเป็นหรืออยากจะเล่นลงในดนตรีและเชื่อว่าแต่ละคนในวงก็รู้สึกเหมือนกันแหละ

เก่ง: รวมถึงรูปแบบโชว์ด้วยนะ เราจะไม่ได้โชว์เหมือนที่เคยโชว์มา

โอ่ง: ใช่ เพราะที่ผ่านมา AB Normal เองก็ไปทัวร์คอนเสิร์ตมาเยอะ เรียกว่าแทบจะทั่วประเทศแล้วล่ะ เราทำแต่ในรูปแบบเดิม ๆ คือทำเพลงเสร็จปล่อยเพลงแล้วออกไปทัวร์ในสถานที่แห่งนั้นแห่งนี้ ก็มาคุยกันว่าถ้าจะต้องกลับไปเป็นในลูปนั้นอีกครั้ง เราควรจะมีอะไรที่มากกว่า เพราะไม่งั้นมันก็เหมือนเราทำซ้ำในสิ่งเดิมที่เคยทำได้แล้ว เลยมองว่าโชว์มันจะต้องพิเศษและต้องมีอะไร นี่คือคิดใหญ่ ฟุ้งไว้ก่อนนะครับ (หัวเราะ)

unnamed-3

กระแสหลังเปิดตัวสมาชิกครบ 4 คน

โอ่ง: เท่าที่เราเช็คได้จากทางเวลา Live สดอะไรแบบนี้ก็…

เก่ง: ก็จะเป็นผู้ชายซะเยอะ (หัวเราะ)

หนีด: ทำไงได้ล่ะ

โอ่ง: ส่วนใหญ่เขาจะคาดหวังไว้ว่ามันจะเป็นร็อกที่หนักแค่ไหน เสียงเท่าที่ผมเห็นก็มีบอกว่าเออเพลงเจ๋งนะ เพลงสนุกนะ ฟังแล้วสะใจ วันแรกที่เราปล่อยทางดาวน์โหลดก็รู้สึกจะแว้บขึ้นมาติดชาร์ตอันดับหนึ่งในเวลาที่รวดเร็วเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปอันดับที่แปดร้อยเท่าไหร่แล้วนะ (หัวเราะ)

เอก: ผมได้เห็นทั้ง feedback ที่มาจากทางแฟน ๆ ของพี่ ๆ รวมทั้งทางของผมด้วย คือเหมือนคนฟังเขาไม่ได้ทิ้งเรา เขาตามเรามา แต่จะตามในจำนวนเท่าไหร่อันนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ในจังหวะตอนที่ปล่อยเพลงออกมาไอ้สิ่งที่จะวัดได้มันมีอยู่อย่างเดียวคือยอดดาวน์โหลด พอเห็นว่ามันขึ้นมาถึงอันดับหนึ่งภายในหนึ่งวันก็ทำให้เห็นว่าอย่างน้อย ๆ ก็มีคนฟังเรา อาจจะไม่ได้มีแฟนใหม่เลย แต่นั่นก็หมายความว่ายังมีแฟนเพลงเก่า ๆ ตามมาเยอะพอสมควร ถึงได้ผลักดันให้มันขึ้นมาอยู่ในอันดับหนึ่งได้ พอถึงจุดนี้ก็ต้องบอกเลยครับว่ากระแสทั้งหมดมาถึงตรงนี้ได้มันไม่ได้มีแค่เรา 4 คน เบื้องหลังยังมีทีมงานอีกเยอะมาก พวกเขาเก่งมากจริง ๆ ผมรู้สึกว่าผีไม่ได้มีแค่ 4 จริง ๆ แล้วมีผีมีเป็นกองทัพผี ซึ่งเราจะลืมพวกเขาไม่ได้

ว่ากันว่า trailer เปิดตัวเป็นการระบายความในใจ

โอ่ง: ก่อนหน้านี้ก็มีคำถามมากมายถามเกี่ยวกับ AB Normal ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่เห็นใน Trailer มันเป็นการพูดถึงการเริ่มต้นใหม่ของผมเอง จริง ๆ น้องเขาก็จะมีสคริปต์มาให้แหละ แต่พอดูแล้วผมรู้สึกว่าถ้ามันเป็นการพูดครั้งแรกของผมกับแฟนเพลงกลุ่มใหม่หรือแม้กระทั่งแฟนเพลงเก่า ๆ ที่รู้จัก ผมควรพูดอะไรที่เป็นเรื่องจริง พูดในสิ่งที่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ก็เลยพูดเรื่องนั้นออกไปว่า ก็ในเมื่อหนึ่งในสมาชิกเขาไม่ได้ต้องการที่จะไปต่อแล้ว มันก็ต้องเป็นทางที่พวกผมต้องไปกันต่อ ก็พูดอย่างนั้น แต่บางคนอาจจะไปตีความหมายว่าทำไมต้องไปเหน็บแนมอะไรเขา ซึ่งผมคิดแค่ว่าถ้าเป็นแมสเสจแรกในการพูดกับแฟนเพลงใหม่และเก่าของผม ผมอยากให้เขารู้ว่านี่คือการเริ่มต้นใหม่ที่มันเริ่มมาจากอย่างนี้ แค่นั้นจริง ๆ

แล้ว Sleeping Sheep ยังทำเพลงกันอยู่ไหม

โอ่ง: จริง ๆ Sleeping Sheep ยังทำอยู่นะ

เอก: ยังทำอยู่ครับ เพราะพี่ ๆ แต่ละคนเขามีงานกันหมด เลยไม่สามารถเริ่มต้นเพลงใหม่ได้ แต่ก็ยังรวมตัวกันและเล่นคอนเสิร์ตได้อยู่ และทั้งพี่โอ่งพี่เก่งพี่หนีดเองก็รู้จักกันกับพี่ ๆ ในวง Sleeping sheep มานานมาก เพราะฉะนั้นตอนที่พี่เก่งโทรหาก็เลยไม่มีปัญหาอะไร อันนี้ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่ด้วยแหละที่ให้โอกาส ต่อให้ผมมาทำวง Ghost ก็ยังให้โอกาสผมได้ไปเล่นเพลงกับ Sleeping Sheep

เก่ง: ตอนนั้นไปขอตัวมา ขอกันตรง ๆ เลยล่ะ (หัวเราะ)

unnamed-4

เพลง อย่ามาหลอกลอนฉันอีก

โอ่ง: มันเริ่มมาจากผมเล่นกีตาร์แล้วได้ท่อน intro ของเพลงมาก่อนแล้วนำมาบอกเพื่อน ๆ แบบคิดเพลงเร็วขึ้นมาได้ประมาณนี้ ก็เอามาแจม มาซ้อมกัน พอซ้อมกันเสร็จปุ๊บ เลยคุยกันว่าวงเราชื่อ Ghost รู้สึกว่าอยากจะพูดเรื่องเกี่ยวกับการหลอก การหลอน การวนกลับไปกลับมาของคน ความรัก หรือความรู้สึก พอได้คอนเซปต์เนื้อเพลงก็ไปคุยกับทางฟองเบียร์ เบียร์บอกเออน่าสนใจนะ แล้วก็ค่อย ๆ ปะติดปะต่อเป็นเพลง

เอก: เนื้อหาเพลงเป็นการเล่าเรื่องของชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่ถูกคนรักทิ้งไป เจ็บปวดทุรนทุรายมากเลย แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่ง พอผ่านเวลามาได้สักพักก็เริ่มเข้มแข็ง เริ่มแข็งแกร่งขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ละ ปรากฏเขาจะกลับมาเฉย แต่เราเซย์โน ไม่ต้องกลับมาเพราะเรายืนได้แล้ว ก็พูดตามชื่อเพลงเลยว่า อย่ามาหลอกหลอนฉันอีก  ความรู้สึกผมเวลาร้องมันไม่ได้รู้สึกกับแค่เรื่องความรัก จริง ๆ แล้วเราสามารถพูดเรื่องนี้กับเรื่องไหนก็ได้ที่มันมากระทบเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤติ ความทุกข์ หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เราเผชิญอยู่ ถ้าปล่อยให้มันผ่านไปสักพักจะรู้สึกเข้มแข็งขึ้น พอยืนหยัดได้ต่อให้ความเจ็บปวดเหล่านี้กลับมาอีก เราจะบอกกับมันว่าเราไม่กลัวละ เพราะมันทำอะไรเราไม่ได้

จะได้ฟังอัลบั้มเต็มเมื่อไหร่

โอ่ง: หลังจากที่ตั้งวงเสร็จก็คุยกับฟองเบียร์เลยว่าเราอยากทำเป็นอัลบั้ม คราวนี้ด้วยเงื่อนไขอะไรต่าง ๆ ก็ต้องดูอีกทีว่าจะยังไง แต่ตอนนี้ทำเพลงไว้เกิน 50% แล้วนะ เราเก็บเพลงได้ค่อนข้างเยอะแล้ว แต่เรื่องอัลบั้มก็คงต้องรอดูอีกทีว่าจะลงตัวเมื่อไหร่

คาดหวังกับการกลับมาครั้งนี้ขนาดไหน

โอ่ง: ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นครั้งที่ไปได้ไกลที่สุดของชีวิตการเล่นดนตรีของผมแล้ว ถ้าโดยส่วนตัวมันก็คงเหมือนกับเวลาที่ผมได้เล่นดนตรีไปจนถึงโค้งหนึ่งหรือระยะหนึ่ง มันจะมีช่องทางให้ผมขยับไปเหมือนที่ผ่านมาทุกครั้ง ไอ้ครั้งนี้มันคงจะเป็นอีกทางหนึ่งที่มองว่าน่าจะพาผมไปได้ไกลกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา

หนีด: โห คาดหวังเยอะเลยครับ อยากให้ทำออกมาแล้วคนชอบแนวใหม่ของเราด้วย

โอ่ง: นี่เยอะแล้วเหรอเนี่ย แค่นี้เหรอ กูก็รอตั้งนาน

หนีด: ก็เยอะมาก อยากให้คนติดตามเราตลอด ทั้งแฟน AB normal, Sleeping Sheep และ Rampage ด้วย

เก่ง: ครั้งนี้มันคือการรวมเพื่อนกันจริง ๆ ความคาดหวังของผมตั้งแต่อย่างแรกเลยคือ เราอยากเล่นดนตรีกับเพื่อนอย่างนี้ อยากทำงานด้วยกันกับคนที่เคมีตรงกัน ลุย ๆ ไปด้วยกัน ผมว่าแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ที่เหลือมันจะได้เงินหรือว่างานเยอะ ๆ ตามมาอันนั้นก็ถือเป็นของแถมไป

เอก: Ghost เป็นวงใหม่ก็จริง แต่พวกเรามันเป็นเหล้าเก่า เมื่อได้ผลิตออกมาแล้วเราก็อยากให้คนที่เคยชิมยังประทับใจกับรสชาติของพวกเราเหมือนเดิม อยากให้คนที่เคยฟังเพลงของ Rampage, AB normal หรือ Sleeping Sheep รู้สึกว่านี่ยังเป็นดนตรีที่เขาชื่นชอบ ยังเป็นรสชาติที่เขารู้จัก และอยากจะชิมมันต่อไป ส่วนสิ่งที่คาดหวังก็เหมือนกับคนทั่วไปที่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในทุก ๆ อาชีพ อยากให้เลี้ยงชีพได้ เลี้ยงดูตัวเองได้และคนรอบข้างได้ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นผมคิดแค่ว่าอยากให้คนที่ตามเรามาเขาชื่นชอบเราจริง ๆ รู้สึกว่าเราเล่นเพลงให้เขาได้ฟังอย่างตั้งใจจริง ๆ  แล้วเอาไปบอกต่อกับคนในวงกว้างขึ้น พอถึงจุดนั้นสำหรับผมน่าจะถือว่าประสบความสำเร็จ

เชื่อเรื่องลี้ลับกันไหม

โอ่ง: นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบชื่อวงนี้ เพราะผมชอบเรื่องพวกนี้ (หัวเราะ) จริง ๆ เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้วด้วย เลยรู้สึกว่าง่ายเลยที่เราจะสื่อสารไปในทิศทางนี้

เก่ง: มนุษย์ต่างดาวเหรอ

โอ่ง: อันนั้นไม่ใช่ละ

unnamed-2

ตอนระหว่างทำเพลงเจออะไรพีค ๆ เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับไหม

โอ่ง: มันมีสองอันที่เจอ ณ ตอนนี้นะ ไม่เจอแล้วก็ดี (หัวเราะ) อันแรกคือตอนที่ผมอัดเสียงกีตาร์ในเพลง อย่ามาหลอกหลอนฉันอีก ปกติเวลาบันทึกเสียงมันจะมีนอยซ์ ซึ่งเราจะเช็คได้ว่ามันคือสัญญาณรบกวนที่สามารถอยู่ในเพลงได้หรือเสียงไหนไม่ควรมี แต่วันนั้นระหว่างที่อัดท่อนโซโล่ของผมเอง มันมีเสียงเหมือนย่านความถี่วิทยุหรืออะไรสักอย่างที่เป็นเสียงคล้าย ๆ พวกมหรสพ โซโล่เสร็จผมก็กดฟัง พอได้ยินปุ๊บผมก็ เฮ้ย! มันเสียงอะไรวะ เลยเช็คฟังอีกรอบ มันเป็นเสียงเหมือนสีเครื่องสาย อยู่ตรงท่อนหลังโซโล่ตอนที่ทุกอย่างเฟดลงไปหมด แล้วเสียงนี้มันมาอยู่ตรงนั้นพอดี

เอก: มาในจุดที่อยากโชว์ตัวเอง

โอ่ง: มาในจุด… อะไรเนี่ยยย ยุกยิกยุกยิกอะไร อยากรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนเหรอ (หันไปถามหนีด)

เก่ง: อยากรู้เดี๋ยวโทรมาถามกูทีหลังอ่ะ ให้เขาเล่าให้จบก่อน (หัวเราะ)

โอ่ง: โห้ มือกลองยังไม่รู้เลย คนอื่นเขายังดูไม่ตื่นเต้นเท่ามึงเลย มันอยู่ตรงไหน อันนี้ถามอยู่ได้

เก่ง: ไปเช็คหน่อยไป ไปเช็คกับกูนอกรอบ

โอ่ง: ตกลงมึงยังไม่ได้ฟังใช่มั้ยเนี่ย (หัวเราะ)

หนีด: ฟังแล้วฟังแล้ว

โอ่ง: อย่างที่เอกบอกมันมาตรงท่อนที่ทุกอย่างมันหยุดพอดี เขาอยากจะมาอยู่ตรงนี้ ตอนแรกจะลบออก แต่พอมานึก คีย์มันตรงกับเพลงพอดี เลยให้เขาอยู่ไปละกัน หนึ่งจุด ส่วนอีกอันคือตอนที่ถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลงนี้

หนีด: เราถ่ายในสวนสาธารณะหนึ่ง เซ็ตกลองเสร็จหมดละ จะถ่ายแล้วฝนก็เทลงมา ก็ต้องเก็บกลอง เก็บเสร็จฝนหยุดเลย พอตั้งใหม่มันมาอีกละ อย่างนี้หลายรอบ ๆ จนรู้สึกว่า…

โอ่ง: เปลี่ยนชื่อวงเถอะ เปลี่ยนชื่อวงกันมั้ย (หัวเราะ)

หนีด: สุดท้ายก็ต้องมาซ่อมเพิ่ม

โอ่ง: ทำให้ต้องไปถ่ายในสตูดิโอเพิ่มอีก 1-2 วัน  เหมือนมันจะมีอุปสรรคขยับ ๆ เข้ามาตลอด แต่ต่อจากนี้คงไม่มีแล้วเนอะ เพราะก็ปล่อยเพลงออกมาแล้ว

ถ้าให้เลือกเป็นผีตัว 1 ตัวจะเลือกเป็นผีอะไร

โอ่ง: ผมคงเป็นผีที่ตายไปแล้วแต่มันไม่รู้ตัวอ่ะ (หนีด: ซิกเซ้นเหรอ เป็นวิญญาณไม่รู้ตัว) นั่นมันหนังอ่ะ แต่อารมณ์ก็เหมือนแบบนั้นแหละมั้ง คือตายแบบไม่รู้ตัว

เก่ง: จะเรียกผีอะไรดีอ่ะ

โอ่ง: ผีเดจาวูงี้เหรอ ไม่ใช่อ่ะ ผีตายโหงเหรอ! โคตรโหดเลย โหดไปอ่ะ เอาเป็นผีที่ตายไม่รู้ตัวละกัน ผีวนเวียน

หนีด: เป็นซอมบี้ดีกว่า มันเหมือนเดินได้อ่ะแต่เป็นผี

โอ่ง/เก่ง: เห้ออออ มันเหมือนเดินได้แต่เป็นผี

หนีด:  ไม่ ๆ ก็มันแบบไม่ตายอ่ะ มันไม่ตายเขาเรียกว่าอะไร (โอ่ง: เป็น walking dead อะไรงี้เหรอ) เออออ walking dead อะไรอย่างนี้

เก่ง: ผมเป็น Texas Chainsaw ครับ  (โอ่ง: แต่จริง ๆ เก่งเขาเป็นผีทะเลนะครับ) บ้าาาาา (หัวเราะ) ผมชอบดูหนังพวกฆาตรกรโรคจิตอยู่แล้วครับ ตัวละครตัวนี้ผมว่าเท่ดี มีหน้ากาก

โอ่ง: เป็นผีแน่ใช่มั้ย นั่นมันป็นผีเหรอ

เก่ง: เออไม่ใช่ผีนี่หว่า แต่ตอนหลังมันโดนฆ่าแล้วไม่ตายนะเว้ยโอ่ง

เอก: ส่วนผมเป็นผีกองกอยครับ (โอ่ง: ผีกองกอยคือตัวไร) ผีดิบจีน

เก่ง: เฮ้ยไม่ใช่

หนีด: ผีกองกอยไม่ใช่ผีดิบจีน

เอก: แล้วผีกองกอยคืออะไรอ่ะ เป็นผีจีน ผีกระโดด แบบผีกัดอย่ากัดตอบ คือทุกอย่างมันชัดเจนมากในผีตัวนี้ ชุดก็มีของตัวเอง ท่าก็มีของตัวเอง (เก่ง: มีเอกลักษณ์สุดๆ อ่ะ ) มีเอกลักษณ์มาก แล้วแถมยังมีจุดแข็งจุดอ่อนในตัวเองทุกอย่างครบ จุดแข็งคือกระโดดได้ ใช่มือจิก ใช้มือปาดทุกอย่าง

โอ่ง: โคตรโหด แต่จุดอ่อนคือมียันต์แปะหัวก็จบแล้ว (เก่ง: กระจอกมากเลย) หรือไม่ถ้าไม่อยากให้ผีไอ้นี่เห็น ก็กลั้นหายใจ

เก่ง: นี่มึงจริงจังกันจริง ๆ นะเนี่ย (หัวเราะ)

unnamed-5

ดนตรีเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตหรือเปล่า

โอ่ง: แน่นอนครับ สำหรับผม อันดับหนึ่งแน่นอน

หนีด: อันดับหนึ่ง

เก่ง: มีอาชีพเดียวครับ

โอ่ง: แต่ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นอาชีพนะครับสำหรับผม

เก่ง: เอ้าเล่นกูแล้ว (หัวเราะ)

โอ่ง: ไม่ได้เล่น ๆ (หัวเราะ) จริง ๆ ทุก ๆ ครั้งเวลาที่คนอื่นถามหรือแม้กระทั่งเวลาที่ต้องไปกรอกอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเอกสารแล้วเขาจะมีให้ระบุว่าคุณทำอาชีพอะไร จะรู้สึกเขินมากที่ต้องเขียนว่าอาชีพนักดนตรี เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่อาชีพอ่ะ มันคือสิ่งที่ผมอยากจะเล่น อยากจะทำ ตั้งแต่เด็ก

เก่ง: กูหัวทิ่มเลย (หัวเราะ)

โอ่ง: จริงจริง!

เก่ง: ก็ถูกแล้วไง

โอ่ง: เวลาไปกรอกอะไรแบบนี้ ในต่างประเทศเข้าประเทศต้องเขียนมันจะรู้สึกเขิน ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ผมรู้สึกชอบและเล่นมาเรื่อย ๆ ละกัน

เก่ง: ซึ่งไม่ได้นับว่ามันเป็นอาชีพ

โอ่ง: ไม่ได้เป็นอาชีพหรอก

เอก: ผมว่ามันก็มีหลายอย่าในชีวิตที่ผมสนใจครับ แต่ดนตรีมันเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้

คิดยังไงกับคำว่าร็อกกำลังจะตาย

โอ่ง: ผมว่ามันไม่ตายหรอก เพียงแต่มันจะเปลี่ยนไปในรูปแบบอื่น ถ้าสังเกตดี ๆ ร็อกมันแทรกซึมอยู่กับอย่างอื่นได้ตลอดเวลา มันไม่ตายไปแน่นอนเพราะว่าทุกครั้งที่มีคำถามทำนองนี้หรือคำพูดที่ว่าร็อกกำลังจะตาย ก็ยังไม่เคยมีใครสรุปว่ามันตายแล้ว ถ้าวันไหนที่ร็อกตายแล้วอ่ะโอเคจบ มันยังไม่ตายหรอก มันแทรกซึมอยู่กับอย่างอื่นได้ตลอดเวลา

เก่ง: Rock never dies

ดนตรีกระแสหลักและอินดี้มีข้อดีข้องเสียต่างกันยังไง

โอ่ง: อินดี้อาจจะต้องถามเอก แต่ถ้าพูดถึงกระแสหลัก ที่ผ่านมาก็อาจจะรู้สึกว่าทุกอย่างจะมีขั้นตอนมีระบบ ทำเพลงเสร็จปุ๊บจะมีขั้นตอนว่าวางแผนการโปรโมตต่าง ๆ ในฝั่งอินดี้ก็จะมีความเป็นอินดี้อยู่แล้ว ทำอะไรก็ได้ใส่ไอเดียความคิดได้เต็มที่ไม่ต้องนึกถึงกรอบอะไร

เอก: ข้อดีของอินดี้คือมีอิสระ ใส่ลงไปได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีขีดจำกัดในการทำเพลง  แต่มันก็อาจจะลดทอนความสามารถไปส่วนหนึ่งตรงที่เราจะไม่มีบุคลากรอื่นมาช่วยซัพพอร์ต เพราะก็จะทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับดนตรีเลย แต่ถ้าวงนั้นเก่งในเรื่องของการทำการตลาด หรือเผยแพร่สื่อ ยิ่งในยุคนี้ด้วยแล้ว ผมว่าจะเป็นวงที่สุดยอดมาก ๆ  ส่วน mainstream มันลดทอนความเป็นตัวเอง อีโก้ของเรา จะไม่ได้มีอิสระอย่างเต็มที่ เพราะเราตั้งใจไปแล้วว่าจะทำ mainstream เพราะฉะนั้นพอเราตั้งธงแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเรายอมรับแล้วว่าจะทำภาษาเพลงให้มันง่ายขึ้น เพื่อที่จะสื่อสารกับคนในจำนวนที่มากขึ้นได้ มันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างเหมือนกัน

unnamed-6

เป้าหมายและทิศทางของวงในอนาคต

โอ่ง: เบื้องต้นพอได้คุยกันทุกคนก็วางแผนว่ามันน่าจะเป็นดนตรีที่เราอยากจะเล่น ถ่ายทอดจากความสามารถเท่าที่เรามี ณ ตอนนี้เราเล่นได้ประมาณไหน สัดส่วนของความดุดัน ความสนุก หรือความดาร์กต่าง ๆ เราเล่นได้แค่ไหนก็จะใส่ลงมาให้หมด คิดว่าน่าจะลงตัวที่สุดแล้วนะตอนนี้ แต่ว่าจะเป็นยังไงต่อไปก็คงต้องดูกันอีก ดนตรีมันมีการเปลี่ยนแปลง มันมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เราก็ต้องศึกษาไปเรื่อย ๆ พัฒนาต่อไปเรื่อย ตามสเต็ป

เอก: คือเราพอจะรู้ตัวเองกันหมดแล้วแหละ อายุมาประมาณขนาดนี้แล้ว เล่นมาดนตรีกันมาจนขนาดนี้แล้ว รู้ว่าเราชอบอะไร แต่พอได้มาเริ่มต้นทำงานใหม่กับคนใหม่กับเพลงใหม่เราก็คงต้องเรียนรู้กันอีกที อย่างผม ผมอาจจะถนัดว้ากมาแล้วทุกเพลงของ Sleeping Sheep แต่กับเพลงที่จะทำกับ Ghost มันก็ต้องมาดูว่าเพลงนี้ใส่สิ่งนี้ลงมาได้เท่าไหร่ ก็เป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้ไปในตัว

ฝากผลงาน

เอก: ซิงเกิ้ลแรกของเราออกมาแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นสามารถดาวน์โหลดกันมาฟังได้เลย ใน iTunes Apple Music ที่ *492333234 แล้วกดโทรออก โหลดมาฟัง เสียงทุกเสียงคุณจะได้ยินชัดมาก ๆ รวมทั้งเสียงมหรสพพี่โอ่งว่าด้วย คุณจะได้ยินแน่นอน  ส่วน mv จะปรากฎโฉมให้ได้เห็นกันที่แรกเลยที่ Line TV  ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์  ตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไป

โอ่ง: ส่วน youtube ก็วันที่ 9 กุมภาพันธ์  ทาง channel Me Records

หนีด: ฝากแฟนเพจ Ghost Band  และ IG : ghostandrun ด้วยครับ

Facebook Comments

Next:


Malin

'อั๊วเป็งคงจีงที่มาหากิงอยู่ในเมืองไทย' อยู่เชียงใหม่ ทำเซรามิก ชอบเหล้าบ๊วย และพูดไทยชัด