Article Interview

‘West of East’ พวกเราคือวงดนตรีโฟล์กร็อกจากมีนบุรีที่อยากให้คุณรู้จัก

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

มีนบุรี คือเขตหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้หรอกว่าย่านนี้เขามีอะไรเป็น OTOP แต่เมื่อไม่นานมานี้ตัวผมเองเพิ่งได้มีโอกาสทำความรู้จักวงดนตรีที่มักจะบอกเสมอว่าพวกเขามาจากมีนบุรี แถมยังพกรางวัลศิลปินกลุ่มหน้าใหม่แห่งปีจากเวทีสีสันอะวอร์ดส์มาอีกด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดามาก ๆ ทำให้ผมอดใจไม่ไหวรีบนัดคิววงดนตรีท้องที่มีนบุรีมาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยว่าของเขาดีขนาดไหน เชิญพบกับ West of East ครับ

West of East

จุดเริ่มต้นการเดินทางของวง West of East

เตอร์: ผม เอ็ม และปาร์ค อยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยมเลยครับ ส่วนไกด์เขาจะอยู่คนละโรงเรียนกัน แต่บ้านพวกเราอยู่โซนมีนบุรีกันหมดทุกคน ตอนนั้นไกด์กับเอ็มเคยทำวงดนตรีด้วยกัน ปาร์คกับผมก็อยู่อีกวงนึง ช่วงสมัยเรียนเราก็จะได้เจอกันบ่อยตามงานประกวดดนตรีครับ

ปาร์ค: เหมือนช่วงเวลานั้นทุกคนจะเล่นเวทีประกวดด้วยกันมาตลอด เป็นสายอินดี้เหมือนกัน เห็นหน้ากันบ่อย อย่างวงอื่นที่เขาขึ้นไป เขาจะเล่นเพลงแมส ๆ เลย วงของพวกเราทั้งสองวงจะมีความแปลกแยกอยู่ จนเมื่อเรียนจบ ม.6 ไปทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามหนทางของตัวเอง (หัวเราะ) ไกด์เขาก็ไปทำดนตรีแนวโพสต์ร็อก ผมกับเตอร์ก็ไปทำวง Celebities Owls ซึ่งสุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายกันอีกรอบ ทีนี้เราเลยเริ่มทำวงดนตรีเล่นกลางคืนขึ้นมาโดยมีสมาชิกสามคนเป็นผม เตอร์และไกด์ครับ ตรงนี้มันจึงเป็นจุดเริ่มของ West of East 

เตอร์: แต่ตอนนั้นชื่อวง JerMhee Rockband เราก็เล่นดนตรีกลางคืนมาเรื่อย ๆ จนมาเจอโปรเจกต์ประกวด Converse Rubber Tracks จึงตัดสินใจทำเพลงตัวเองขึ้นมาจริง ๆ ครับ  

ปาร์ค: เป็นโปรเจกต์ที่ใครชนะจะได้ไปทำเพลงที่สตูดิโอต่างประเทศก็เลยเริ่มทำเพลงตัวเองตรงนั้นครับ

เตอร์: จริงๆ มีเพลงที่ผมแต่งไว้นานแล้วก็เลยเอามาทำกันชื่อเพลง Anniversary ครับ เป็นเพลงแรกของวง

ปาร์ค: เพลงสากลด้วยแต่ชื่อวงเป็นภาษาไทย (หัวเราะ)

จากชื่อ JerMhee Rockband สู่การเปลี่ยนเป็น West of East 

เตอร์: ตอนนั้นที่ตั้งชื่อนี้มันเป็นเพราะเล่นกลางคืนด้วยก็เลยต้องหาชื่อวงเล่นกลางคืนให้ได้

ไกด์: อันนี้จะเป็นแบบชื่อลวก ๆ มาเลย

ปาร์ค: เหมือนตั้งกันเล่น ๆ เฉย ๆ เป็น ปาร์ค เตอร์ ไกด์ JerMhee Rockband ให้คนเขาเรียกง่าย ๆ มันดูคล้องจองกันดี แต่จากนั้นมันก็มีจุดเปลี่ยนเรื่องชื่อครับ มันเริ่มจากไกด์ก่อน เขานั่งเล่นกีตาร์ว่าง ๆ  แล้วแต่งเพลงขึ้นมาเพลงนึงชื่อ เสียงนก พี่เบิร์ด วง Desktop Error เขามาเห็นพอดีแล้วก็แซวกันไปกันมา เขาก็ชวนไปอัดเพลงที่สตูดิโอเขา อัดกันจริงจังเลยก็เลยลองดูละกัน เปลี่ยนชื่อวงให้มันดูเป็นทางการหน่อย ถ้าหลาย ๆ อย่างมันจะเริ่มจริงจังขนาดนี้แล้ว

เตอร์: ผมเลยด้วยความที่เรามีคำพูดติดปากเวลาแซวกัน ตอนที่ฟังเพลงแนวคันทรี แนวบลูส์หน่อย หลายคนจะชอบพูดว่า เพลงมัน West จังเลยเว้ย มันเลยติดคำนี้มา ทำให้เราเริ่มตั้งชื่อจากคำนี้ก่อนแล้วผมก็รู้สึกว่า อยากได้ความตะวันตกเข้ามาในชื่อนี้ ลองดูไปเรื่อย ๆ จนมาเจอคำว่า West of East ชื่อนี้มันได้เว้ย มันมีความเท่ มีความเฉพาะตัว มันเป็นชื่อที่รู้สึกว่าได้จริง ๆ เลยไปลองเสนอเพื่อน ๆ

ปาร์ค: ก่อนหน้านั้นชื่อวงมันเยอะมาก (หัวเราะ) เสนอกันมั่วซั่วเลย

เตอร์: ผมเลยขอทุกคนไปว่า ต้องชื่อนี้นะ ไม่งั้นจะหลุดแนวไปตั้งชื่ออะไรแปลก ๆ อีก

ปาร์ค: จริง ๆ มันมีชื่อเต็มที่เตอร์คิดไว้นะ West of East มันย่อมาจาก อีกทีชื่อว่า Western music of Eastern players

เตอร์: มันเป็นนิยามชื่อวงเรามากกว่าครับอันนั้น อธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจและจบในคำนี้

แนวเพลงของ West of East

เตอร์: เรานิยามตามเครื่องดนตรีที่เล่นกันหลัก ๆ เลย ไกด์เล่นกีตาร์โปร่ง เตอร์เล่นกีตาร์ไฟฟ้า ปาร์คเล่นกลอง มันเป็นแนวโฟล์กร็อกครับ ยืนพื้นจากเครื่องดนตรีที่เล่นเลย

ทำไม West of East ถึงไม่มีเบส

เตอร์: มันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ ผมสนุกที่จะเล่นชอบที่จะเล่นแบบนี้เลยลองทำดู ซึ่งมันก็เวิร์กด้วย

ปาร์ค: ส่วนตัวผมเวลาเล่นด้วยกัน มันยิ่งเล่นแล้วยิ่งเพลิน เวลาเล่นดนตรีกับเตอร์มันจะเข้าขากัน ผมจะเปลี่ยนท่อนต่าง ๆ มันไม่ต้องไปพึ่งมือเบส ทุกอย่างมันสามารถเปลี่ยนตามกันสองคนได้เลย

เตอร์: มันจะมีความแบบว่า ถ้าเรามีมือเบสมันต้องไปนัดจังหวะต่าง ๆ มันจะไม่สามารถทำกันสดตอนนั้นได้ มันสะดวกในการเล่นสดด้วย

ไกด์: มันหารน้อยด้วย (หัวเราะ) 

จากสมาชิก 3 คนในยุคแรก สู่สมาชิกคนที่ 4  

ปาร์ค: จริง ๆ พี่เอ็ม เขาอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้วนะ

เตอร์: เขามาช่วยเขียนเพลงด้วยซ้ำเลยในช่วงแรก ๆ ของวง

ปาร์ค: หลังจากนั้นเขาก็หนีไปบวช หลังจากทัวร์เยอะ ๆ เราก็เลยชวนเขากลับมา หลัง ๆ ผมจะตีกลองแล้วจะแยกประสาทยากนิดหน่อยเลยให้เอ็มเขากลับมาคอรัสดีกว่ามีเครื่องให้จังหวะด้วย

เตอร์: แต่เขาบวชนานมากจริง ๆ นะ  (หัวเราะ)

เอ็มได้ติดตามวงมาตลอดไหม

เอ็ม: ติดตามตลอดครับจนบวชนั้นแหละ ตอนผมบวชปาร์คก็มาเยี่ยม ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาก็มารายงานให้เราฟัง อัพเดตกันตลอด

ปาร์ค: ผมก็ไปบอกเขาว่า ตอนนี้มีทัวร์เยอะแล้วนะ หลวงพี่จะสึกยัง (หัวเราะ)

ไกด์: อารมณ์แบบ 7 ประจัญบานไปตามเพื่อนกลับมาร่วมรบด้วยกัน

เอ็ม: ผมมีวันสึกของตัวเองแล้วตอนนั้น ก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้าง

เตอร์: ตอนที่พี่เอ็มไม่อยู่นี่ค่ายก็โตขึ้นมามาก แกก็ตกใจว่าเรามีทัวร์มีคนตามเพจเยอะขึ้น ค่ายก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน

ซิงเกิ้ลแรกที่ทำให้ทุกคนรู้จัก เสียงนก

เตอร์: ทุกอย่างออกมาดีนะครับ มันเหมือนเป็นซิงเกิ้ลเปิดค่าย Bird Sound เพลงชื่อ เสียงนก วง West of East feat. เบิร์ด Desktop Error ทุกอย่างมันเป็นชื่อเกี่ยวกับเรื่องเดียวกันไปหมด

ปาร์ค: เหมือนตอนแรกที่ปล่อยไป เราตัดความเป็นทุกอย่างออกไปหมดเลยนะ ทุกคนอาจจะจำภาพผมเป็นวงมะขามป้อม เราไม่บอกใครเลยว่า West of East  คือใคร ปล่อยให้เพลงมันทำหน้าที่ ผลตอบรับก็โอเค

เตอร์: แต่ตอนที่ไปเล่นสดช่วงแรก ๆ ก็มีหลายคนงงนะ ส่วนใหญ่จะถามว่า วงนี้ไม่มีมือเบสเหรอ เราก็บอกไปว่า มันเป็นสไตล์ เราอยากเล่นแบบนี้แล้วก็จะไม่หาตำแหน่งนี้เพิ่มด้วย

ไกด์กับการร้องเพลงครั้งแรก

ไกด์: เราเริ่มจากการเล่นกีต้าร์อย่างเดียวเลยครับ ไม่เคยร้องเพลงเลย เพิ่งได้มาร้องตอนช่วงหลัง ๆ แล้ว ช่วงที่ทำวงJerMhee Rockband ตอนนั้นมันไม่มีนักร้อง (หัวเราะ) อยู่กัน 3 คนแล้วรับงานมา ใครจะร้องทีนี้ก็เลยแบบลองร้องดูก็ได้ ซึ่งตอนขึ้นเวทีครั้งแรก ผมมันมากครับ ทำให้รู้ว่า เราก็ชอบร้องเพลงเหมือนกันนิหว่า

อัลบั้มแรก Western Music on Eastern Player กับกระแสตอบรับของแฟนเพลง

ไกด์: ดีมาก ๆ ครับ เราได้ทำงานกันเองทุกขั้นตอน

ปาร์ค: มันรู้สึกอิ่มมาก ๆ ในขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง

เตอร์: เราเหมือนเป็นศิลปินใหม่ด้วย แน่นอนยังไม่ใช่อัลบั้มที่พีคที่สุด เรายังต้องทำงานหนักและรอฐานแฟนเพลงเพลงให้เกิดขึ้นอยู่ครับ

รางวัลสีสันอะวอร์ดส์ รางวัลใหญ่ครั้งแรกในชีวิต 

เตอร์: รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ครับ ตอนแรกเราคิดในใจกันว่ากระแสดนตรี ณ วันนี้มันไปแนวไหน เราก็ไม่ได้คิดอะไรเท่าไร มันก็มีวงที่เขาดีทั้งเพลงดีทั้งกระแสการตอบรับอะไรมากกว่าเราอยู่แล้ว คิดว่าพวกเขาน่าจะได้กันนะ แค่ได้ไปร่วมงานก็โอเคแล้ว ยิ่งตอนที่ได้รางวัลคือตกใจครับ (หัวเราะ) แทบไม่ได้เตรียมตัวเลยก่อนเลยครับ ขึ้นไปก็ตามนั้นเลย

ปาร์ค: ตอนนั้นในงานเขาจะมีปาร์ตี้ พวกเราเองก็สภาพใช้ได้เหมือนกัน (หัวเราะ) ตอนได้ยินชื่อวง สร่างเลยครับ

ไกด์: เสียดายวันนั้นผมไม่ได้ไป ติดธุระครับ แต่ว่าดูถ่ายทอดสดอยู่ ตอนรู้ผลก็ดีใจมาก ๆ ครับ เห็นในถ่ายทอดสดไอ้พวกนี้สภาพไปแล้วเรียบร้อย (หัวเราะ) ซึ่งรางวัลนี้มันมีค่ากับพวกเรามาก ๆ นะครับ มันเป็นแรงผลักดันให้เราทำเพลงกันต่อไปด้วย 

เตอร์: รางวัลนี้ทำให้เรารู้ว่า ซาวด์แบบนี้ที่เราทำ ดนตรีแบบนี้ที่เราเล่นมันก็มีที่ยืนอยู่เหมือนกัน

ปาร์ค: เหมือนอัลบั้มนี้เราทดลองเยอะมาก ทั้งเรื่องอัด การทำงานขั้นตอนต่าง ๆ ให้เป็นตัวของเราที่สุด ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาเห็นเราจุดนี้ ดีใจมากครับ 

จุดเริ่มต้นทำทุกอย่างกันด้วยตนเองสู่การร่วมงานกับค่าย Sanamluang Music

เตอร์: เอาจริง ๆ ค่าย Sanamluang Music เราร่วมงานกันมาสักพักแล้วครับ ตั้งแต่เพลง รักในนิทาน ก็รู้สึกดีที่ได้ออกไปสู่กลุ่มตลาดที่กว้างขึ้นครับ ทางค่ายเขาก็ยื่นโปรเจกต์มาว่า จะช่วยโปรโมตเพลงให้ เราก็หยิบเพลงที่คิดว่า น่าจะไปได้ไกลมาโปรโมต เราก็เลยเลือกเพลงนี้ ทำ mv และปล่อยกับค่ายนี้ครับ มันก็เป็นอีกความรู้สึกนึงที่ดีครับ

ปาร์ค: ดีใจครับ มีเพื่อน ๆ ถ่ายรูป mv ที่เขาฉายใต้ตึกแกรมมี่มาให้เราดูด้วย

การทัวร์ต่างประเทศของ West of East 

เตอร์: ดีครับ สนุกดี ได้ไปเปิดตลาดที่มาเลเซีย

ปาร์ค: คนดูที่โน่นเจ๋งมาก ๆ มันแตกต่างจากคนไทยเลย อย่างที่ประเทศไทย แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน เราจะชอบไปทัวร์ต่างจังหวัดมากกว่า ยิ่งภาคอีสานกระแสตอบรับดีมาก คนกรุงเทพ ฯ เขาจะมีฟีลแบบไม่รู้จักเรา พวกเราเป็นวงหน้าใหม่ แต่ถ้าที่ต่างประเทศ เขาสนุกเลยถึงจะไม่รู้จักก็ตาม 

ไกด์: ต่อให้ฟังไม่รู้เรื่องหรืออะไร เขาก็เต็มที่เลย

เตอร์: ซึ่งทุกวงที่เล่นกับเราในงานวันนั้น เขาก็อยู่ยาวกันเลยไปจนจบ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นสำหรับเราครับ

Wonderfruit Festival เทศกาลดนตรีสุดเจ๋งและการร่วมงานกับ Howie B 

เตอร์: ในฐานะคนเล่นเราก็รู้สึกได้เลยว่า โปรดักชันอะไรที่ออกมา เสียงที่ได้ยิน เสียงที่ส่งออกไป ทุกอย่างมันมาตรฐานระดับโลกมาก ๆ นะ มันเป็นงานที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเล่นมา รวมไปถึงการได้ร่วมงานกับ Howie B ด้วย แกเป็นคนคัดเลือกวงเราเข้ามาเล่นในงานนี้ เขาก็ได้ให้คำแนะนำวงเราครับ แกชอบไดนามิกวงเราและอยากให้รักษาตรงนี้ไว้ เราก็เลยยึดการโชว์หรือการทำเพลงมาจากคำที่เขาบอกมาด้วย

ปาร์ค: เหมือนเขาก็พยายามหาจุดอ่อนของเราและแนะนำให้ มันเป็นอีกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเลยจากงานนี้ 

เทศกาลดนตรีที่ West Of East อยากเล่น

เตอร์:  Big Mountain ครับยังไม่ได้ไปเล่นเลย

ปาร์ค:  อยากเล่นงานฟังใจมากครับ (หัวเราะ)

เป้าหมายของวงตอนนี้วางแผนไว้อย่างไร

เตอร์: ตั้งใจจะทำอัลบั้มต่อไปให้ดีครับ กำลังเริ่มทำกันอยู่ คิดว่าอยากให้เข้าถึงคนได้กว้างขึ้น ตอนนี้ยังรู้สึกว่าเราสอบตก เรายังมีความเป็นกึ่งอินดี้หรือกึ่งเพื่อชีวิตอยู่ คิดว่าจะจูนตรงนี้ให้มากขึ้น

แนวทางในอัลบั้มต่อไปจะเป็นเช่นไร

เตอร์: คิดว่าน่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรจากอัลบั้มแรกสักเท่าไหร่ ตัวตนของเราจะยังอยู่แน่นอน อาจจะลองจูนกันให้ตรงกันมากขึ้น เราจะหาวิธีที่ทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้นด้วย ส่วนจะออกช่วงไหนนี้ก็ต้องดูกันอีกทีเลย แต่น่าจะไม่ใช่ปีนี้แน่นอน คงต้องรอกันอีกสักพักครับ 

ไกด์: อาจจะมันและสนุกขึ้นจากอัลบั้มแรก

ถ้ามีโอกาสแนะนำเพลงให้กับแฟนเพลงหน้าใหม่ฟังได้ จะแนะนำเพลงใด

ปาร์ค: เสพสมลมหายใจ เป็นเพลงแนะนำของพวกเรา เพลงนี้เข้าถึงง่าย ร้องตามได้ด้วย

วงการเพลงไทยสมัยนี้กับสมัยก่อนแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน

เตอร์: ที่เห็น ๆ เลยน่าจะเรื่องสื่อ สื่อมันหลากหลายมากขึ้น คนก็กระจัดกระจายไปอยู่ตรงโน้นตรงนี้มากขึ้น มันมีช่องทางความบันเทิงให้เลือกเยอะมาก เราก็รู้สึกว่า ช่องทางในการนำเสนอผลงานมันกว้างขึ้นซึ่งจากตรงนี้เองมันก็ทำให้เราทำแต่ละเพลงขึ้นมาให้ฮิตติดหูคนได้ยากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเลเวลความยากของวงการเพลงไทยยุคสมัยนี้มันยากกว่านะ ยิ่งเป็นแนวดนตรีของ West of East ด้วย ถ้าเทียบกับสมัยก่อนมันก็จะมีการละลายพฤติกรรมต่าง ๆ นานากันไป (หัวเราะ)

ปาร์ค: แนวเพลงก็เยอะขึ้นตามช่องทางด้วย หลัก ๆ เรายืนพื้นจากดนตรีร็อกที่โตกันมา

เตอร์: เรายืนหลักด้วยความสุขของตัวเองมาก่อนมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้

ในแง่ของวงดนตรีหน้าใหม่ หางานเล่นกันด้วยวิธีไหน

ปาร์ค: ผมใช้การจำจากตอนช่วงที่ไปอยู่ค่ายอื่นก่อนหน้านี้ เก็บสะสมความรู้มาเรื่อย ๆ หรือเราเคยไปเล่นร้านไหน เราก็ลองโทรไปถามเขาดู เสนอวงไปซึ่งสุดท้ายมันก็เกิดทัวร์ต่าง ๆ ขึ้น

West of East กับจุดเชื่อมโยงของ เอ็ม ธรากร เจ้าของเพลง ไม่เหลือช่องว่างให้สร่างเลย

เตอร์: ตอนนั้นไปทัวร์อีสานครับแล้วมันจะมีวันนึงที่ว่างในทัวร์ครั้งนี้ เราก็ไปบ้านยายพี่เบิร์ดที่จังหวัดศรีสะเกษ ตอนแรกก็ตั้งใจจะไปกินข้าวปิ้งย่างพักผ่อนปกติครับ

ปาร์ค: ซึ่งจะมีรุ่นพี่เราคนนึงในทัวร์ครั้งนี้ เขาจะพูดตลอดทัวร์เลยคำว่า ‘ไม่เหลือช่องว่างให้พี่สร่างเลย’ วันนั้นเราก็คิดว่างั้นมา นั่งเคาะขวด เล่นกีตาร์ลองแต่งเพลงนี้ให้จบกันดีกว่า สรุปก็เกิดเพลงนี้ขึ้นมาแล้วถ่ายลง Facebook เล่น ๆ 

เตอร์: ตอนเขียนพี่เอ็มไม่ใช้กระดาษปากกาด้วยนะ ใช้การจดจำอย่างเดียว

ปาร์ค: ไอ้ที่ถ่ายเนี่ย เราจะเก็บเอามาทำเป็นเพลงอีกที แต่ปรากฏว่า ได้ใช้อันนี้เฉย (หัวเราะ)

เตอร์: ประเด็นสำคัญที่ทำให้มันดังมาก คือพวกเราไปเล่นร้านนึงในศรีสะเกษแล้วเจอพี่เล็ก Desktop Error แกแนะนำว่า ให้เราเอาไปลงเพจ YouLike 

ปาร์ค: ซึ่งตอนเจอกันแกไม่ถามเรื่องวงเราเลย ถามแต่เรื่องนี้ (หัวเราะ) ผมเลยเอาไปแปะดู ปรากฏว่าคนแชร์กันสนุกสนานไปกันใหญ่เลย

เตอร์: ด้วยกระแสนี้ทำให้คนก็ขอเพลงนี้ขึ้นมาด้วยนะตอน West of East เล่น 

ไกด์: ตอนนั้นกระแสมันมาแรงมาก

ปาร์ค: จนสุดท้ายก็ต้องแยกให้เขาเป็นศิลปินอีกหนึ่งคนไปเลยเป็น เอ็ม ธรากร ไม่งั้นเดี๋ยวมันหลุดธีมวงเราแน่ ๆ 

เอ็ม: มีคนมาขอถ่ายรูปด้วยนะ ผมเนี่ย (หัวเราะ) จะให้ผมทำท่าไหว้อย่างเดียว

เพลงที่ชอบที่สุดตั้งแต่ทำ West of East มา

ไกด์: ชอบ เสียงนก มันเป็นเพลงแรกที่ในชีวิตที่ผมเขียนขึ้นมา

ปาร์ค: ผมชอบเพลง ช้า มันเป็นเพลงที่มีมานานแล้ว ไกด์กับเอ็มเขาแต่งไว้

เตอร์: ผมชอบ แอลกอฮอล์ ชอบวิธีการสร้างมันขึ้นมา การอัดเพลงด้วยที่อัดบรรยากาศสดจากร้านเหล้าจริง ๆ มันมีเสน่ห์มาก ๆ ถ้าไปลองฟังในแผ่นจะรู้เลยครับว่าเราอัดกันสดจริง ๆ  

เอ็ม: ชอบเพลง ที่แล้วมา ครับ มันเพราะดี ผมชอบตอนที่เขียนเพลงนี้ วันนั้นจำได้เลย ผมอยู่ที่ค่ายแล้วนอนฟังเพลงนี้แล้วอิน 

สุดท้ายนี้ฝากวง West of East 

ปาร์ค: เพลงพวกเราฟังง่ายมากครับ ถึงมันจะเป็นเพลงที่เกี่ยวกับพวกเราเอง แต่มันก็อาจจะตรงในมุมมองของใครหลายคนเหมือนกัน ฟังง่าย ๆ ไม่ยาก

เอ็ม: ยินดีที่ได้รู้จักครับ

ปาร์ค: จริง ๆ อยากให้มาดูเราเล่นสดมากกว่า ถ้ามีงานก็มาดูนะ ไปดูตารางพวกเราได้ที่แฟนเพจ West of East, แล้วก็ฝากงานนี้ด้วยครับ 20 มิถุนายนนี้ งานครบรอบ 2 ปี Bird Sound แวะมาดูแวะมาทำความรู้จักพวกเรากันได้ครับ

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ของ Bird Sound Records ได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง