เพราะเธอคือสาวน้อยมหัศจรรย์ Wonderframe
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer: Chavit Mayot
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ ตอนนี้ถ้าเดินออกไปข้างนอกคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง อยู่ดี ๆ ก็ … และเพลง 555 (ToT) ของ Wonderframe แต่หากเราย้อนเวลาถอยกลับอีกในช่วงที่รายการประกวดร้องเพลงกำลังฮิต ๆ หลายคนก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอในฐานะสาวน้อยที่มีชื่อว่า เฟรม—ศุภัคชญา สุขใบเย็น หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 8 นั่นเอง จากวันนั้นถึงวันนี้กว่าจะมาเป็นศิลปินที่มีเพลงฮิตยอดฟัง 50 ล้านวิวได้ เธอผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง การเดินทางในเส้นทางศิลปินที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเช่นไร มาอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันเถอะ
จุดเริ่มต้นของเด็กหญิงเฟรมกับการเป็นนักร้อง
คุณพ่อจะชอบเปิดเพลงของ พี่เบิร์ด—ธงไชย แมคอินไตย์ เพลงของวง คาราบาว ให้ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ เราเองพอได้ฟังบ่อย ๆ ก็เริ่มร้องฮัมตามเพลงต่าง ๆ ได้ อันนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเลย จากนั้นก็เข้าสู่การประกวดร้องเพลงตอนอายุ 13 ปี เริ่มประกวดมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย แต่ตกรอบแรกตลอดนะ เสียใจมาก ร้องไห้ทุกครั้งและพ่อแม่จะรู้ตลอด ซึ่งข้อดีของเราคือเราจะเป็นคนที่เสียใจแปปเดียว จะไม่จมกับมัน ตรงนี้ล่ะที่มันกลับเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นเลย
อะไรทำให้ตัดสินใจไปประกวดร้องเพลงในตอนนั้น
อยากเป็นนักร้อง แต่เราไม่รู้ว่าเราจะเข้าวงการยังไง มันเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ คิดว่า การประกวดร้องเพลงมันเป็นช่องทางเดียวที่จะสามารถเข้าสู่วงการนี้ได้ อย่างการประกวด The Star อันนี้เฟรมไปตั้งแต่ปี 6 เลยนะตกรอบมาเรื่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ไปกับเราเกือบทุกภาค สุดท้ายพอมันมาถึงปี 8 เราก็คิดว่าโอเคถ้าครั้งนี้ไม่ได้เราจะไม่ไปอีกแล้ว ปรากฏว่า ทำได้ เราก็เลยรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ทำสำเร็จไปอีกขึ้นนึงแล้ว เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ เขาก็น่าจะรู้สึกดีกับเราด้วยเช่นกัน เขาภูมิใจมาก ๆ ที่ผ่านมาก็สนับสนุนมาตลอดเลย
จุดกำเนิดช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า Wonderframe
ทำตั้งแต่ตอนประกวด The Star แล้วนะ แต่ไม่ค่อยได้ลง เรามีความรู้สึกว่า ไม่รู้จะลงอันไหนดี ไม่รู้พวกวิธีการอัดเสียง ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้เกิดการจดจำ ทีนี้ก่อนที่จะตัดสินใจทำช่องนี้ เราเลยไปเรียนพวกหลักสูตรการเป็นโปรดิวเซอร์มาเลยลองทำดูเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนแรกไม่มีคนฟังเลย ยอดวิวมากสุดคือหมื่นวิว แต่ปรากฏว่าพอมันทำไปเรื่อย ๆ มันก็เกิดช่วงพีคขึ้น เรามีอะไรเราก็ลงหมดจนถึงวันที่คนเห็นเราเยอะขึ้นเหมือนมันค่อย ๆ ไต่มาเรื่อย ๆ
ได้อ่านคอมเมนต์ใน YouTube ไหม
หนูอ่านหมดนะ ส่วนใหญ่จะมีเรื่องดี ๆ เยอะ เขาจะชอบแซวกันแบบคนนี้แฟนผมนะ อะไรแบบนี้ บางทีเราก็ตลก บางคนก็จะมีมาบอกว่า ร้องอะไรไม่ชอบเสียงเลย คิดในใจอยากไปตอบว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังดิ (หัวเราะ) แต่เราก็ไม่โต้ตอบนะ คนพวกนี้เขาก็คงมีปัญหาในชีวิตเหมือนกันเขาถึงต้องมาตามว่าเรา แต่ว่าบางอันเขาก็ติชมเพลงเราจริง ๆ มันก็มีส่วนถูกเรารับฟังนะ แต่บางคนด่ากราดเลยก็มี เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องของคุณเถอะ
อะไรทำให้ตัดสินใจคัฟเวอร์เพลงแนวฮิปฮอป
ถ้าไปย้อนกลับไปดูในช่องของเฟรม จริง ๆ มันจะมีเพลงแนวนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่คนไม่ค่อยฟังเราก็เลยคิดว่างั้นเปลี่ยนไปร้องเพลงป๊อปก่อนแล้วกัน แต่ลึก ๆ ตัวเราเองจะรู้ว่าเสียงเราโดยสัญชาติญาณจะถนัดกับแนวฮิปฮอปมากที่สุด เราชอบเพลงที่มีกลิ่น r&b นิดนึง ซึ่งตรงนี้เองมันเลยทำให้ไปเจอจุดเปลี่ยนของการคัฟเวอร์ คือไปเจอเพลง เฉยเมย เราฟังแล้วเรารู้สึกว่า เพลงไรวะเนี่ย น่าสนใจ ถ้าเอามาร้องคงแปลกดี ก็เลยตัดสินใจเอามาทำในแบบของเราแล้วกลายเป็นคลิปแจ้งเกิดเราในท่ีสุดไปโดยปริยาย
เอกลักษณ์ของ Wonderframe คือเสียงที่แปลก
พูดตรง ๆ เฟรมไม่ได้ดีไซน์อะไรเลยเรื่องเสียงร้อง เฟรมร้องเพลงเหมือนพูดเลย แต่เมื่อก่อนมันจะมีกรอบมาครอบตลอดว่า เราต้องร้องเพลงร็อกใช้พลังเสียงใหญ่ ๆ พยายามอยู่กับแนวนั้นมาหลายปีมาก ทำวงดนตรีทำอะไรมามากมายก็ไปไม่รอด แต่ให้เราร้องเราทำได้นะ แต่ไม่อิน สุดท้ายก็มาเจอแนวที่เสียงเราใช่มากกว่ากับแนวฮิปฮอป เราเลยร้องเข้าปากมากขึ้น ร้องได้ดีขึ้นด้วยจากสมัยก่อน
ศิลปินที่ Wonderframe ชอบ
ถ้าแนวฮิปฮอปจะชอบ Cardi B แต่ว่าถ้าฟังมานานมากก็คือ Amy Winehouse เสียงเขาจะแตกเท่ ๆ เขาเป็นนักร้องที่ร้องเพลงแจ๊สได้เจ๋งมาก
มาร่วมงานกับ Wayfer Records ได้อย่างไร
พี่โน่ (ดนัย ธงสินธุศักดิ์) ติดต่อมาเพราะเขาไปเห็นคลิปที่เราร้องเพลงคัฟเวอร์ แล้วโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงด้วยชื่อ ฮาย (ธันวา เกตุสุวรรณ ) เขารู้จักกับพี่โน่ก็เลยมีการส่งเพลงไปให้พี่โน่ฟังดู จากนั้นเลยได้มาคุยกันและร่วมงานกันในที่สุดค่ะ
อยู่ดี ๆ ก็… เพลงเปิดตัวเพลงแรกกับปรากฏการณ์เพลงฮิต 50 ล้านวิว
กระแสเพลงนี้ตอนแรกมันนิ่งอยู่นะ มันเพิ่งมาพีคตอน 3 เดือนหลังจากนั้นเอง ก็รู้สึกดีใจนะที่เพลงเรามาได้ขนาดนี้ เพราะปกติเพลงที่เราเคยมีมา เราไม่เคยได้มีโอกาสแต่งเพลงเองเลย อันนี้เราภูมิใจมาก ๆ ที่เวลาไปร้องแล้วคนฟังเขาร้องตามกันได้ เขาร้องสิ่งที่เราเขียนออกมา แม่งภูมิใจกว่าตอนนั้นเยอะเลย เพราะเมื่อก่อนเราไม่ได้แต่งเองเลย มีแต่คนเขาแต่งเพลงให้บางทีก็จะไม่เก็ต อันนี้เราเขียนเพลงเองมันเลยเห็นภาพ เพราะเราเขียนจากความจริงไง ส่วนในแง่ของกระแสตอบรับที่ได้มามันก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย แรก ๆ คิดว่า 10 ล้านวิวก็หรูแล้ว ยังนั่งคุยกับพี่โน่ว่า 10 ล้านวิวก็เยอะแล้วนะ พี่ บิ๊ก D Gerrard เขาก็บอกเหมือนกันว่าเพลงผม Galaxy ถึง 3 ล้านผมก็โอเคแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ไปกี่ล้านแล้วก็ไม่รู้ กระแสมันดีมาก ๆ เลยสำหรับเรา
จาก อยู่ดี ๆ ก็… สู่บทเพลง 555 (ToT)
เพลง 555 (ToT) ยังถือว่าไม่แป้กนะ ลุ้นมาก พูดตรง ๆ เลยว่า เพลงนี้มันฟังยากขึ้นนิดนึง เพราะมันได้โชว์ไอเดียแนวคิดต่าง ๆ ของเรา จุดเริ่มต้นของเพลงนี้มันเริ่มจากเราเป็นคนค่อนข้างติดโทรศัพท์ สิ่งที่เขียนในเพลงมันก็เลยเป็นเรื่องของโซเซียลเน็ตเวิร์กเยอะไปหมด มันเป็นประเด็นที่เรามองเห็นได้ทั่วไปเลยนะ
ประเด็นโลกออนไลน์ที่บอกมันเกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงเลยรึเปล่า
ใช่เลย อย่างเพลง อยู่ดี ๆ ก็… จะเป็นเรื่องจริงหมดเลย มันเป็นช่วงนึงที่เราเคยผ่านมา เราไม่รู้จะระบายมันยังไงเลยเขียนเพลงออกมาเป็นการบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้นก็เท่านั้นเอง ส่วนเพลง 555 (ToT) มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนตลอดเวลาใคร ๆ ก็แชตเอาง่าย ๆ มันเป็นเหมือนอาการขำที่คนไทยจะต้องพิมพ์ 555 อยู่บ่อย ๆ ตามโลกออนไลน์นั้นแหละ มันเคยมีเพื่อนฝรั่งเราถามว่าแบบเราพิมพ์อะไรออกมา เขาไม่ได้รู้สึกขำอะไรเลย เราทำไมต้องพิมพ์ 555 แต่เฟรมก็เชื่อว่าคนไทยจะแตกต่างไม่เหมือนฝรั่งนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี เราก็จะขำเพื่อให้ทุกอย่างมันดูซอฟต์ลง เราก็หยิบเรื่องราวตรงนี้ล่ะมาเขียนเพลง ซึ่งเพลงของเฟรมเนี่ยมันจะเป็นเพลงอกหักซะส่วนใหญ่ แต่ดนตรีไม่เศร้านะ
ระยะเวลาในการทำงานแต่ละเพลงใช้เวลาทำนานขนาดไหน
อย่างเพลง อยู่ดี ๆ ก็… ใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือนนะ เฟรมจะชอบแต่งท่อนฮุกทิ้งไว้ก่อนแล้วไปคุยกับโปรดิวเซอร์ในพาร์ตของดนตรี จากนั้นเขาก็จะส่งดนตรีมาให้ฟังแล้วมันแมตช์กันพอดีกับสิ่งที่เราจะเล่าก็เขียน verse ต่อทันทีเลย อย่างเพลงนี้เวอร์ชันแรกมันจะมีแค่เสียงเฟรมคนเดียวนะยังไม่มี Youngohm เข้ามา แต่พอฟังแล้วมันเหงา ๆ ก็เลยไปชวนเขามาแจมด้วย
ทำไมถึงไปชวน Youngohm มาร่วมงานด้วย
ที่ชวนมาเพราะว่า เพลงของโอมเขาทำให้คนรู้จักเฟรมมากขึ้นด้วย เรารู้สึกขอบคุณโอมตลอดนะ เขาเองเนี่ยล่ะที่ทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเห็นเฟรม จากตรงนี้ก็เลยทำให้เราตัดสินใจส่งเพลงไปให้เขาฟัง โอมเนี่ยเขาจะเป็นคนที่ถ้าไม่ชอบเขาจะไม่ทำ พื้นฐานนิสัยเขาเป็นแบบนี้ เรื่องเงินไม่เกี่ยวเลย ซึ่งผลจากการส่งไปมันปรากฏว่า เขาฟังแล้วโอเคก็เลยได้มาร่วมงานกันในที่สุด
อยากบอกอะไร Youngohm บ้างรึเปล่า
เขาเด็กมากเลยนะ (หัวเราะ) เขาเป็น rap star ที่อาจจะดูหน้าดุ ๆ หน่อย แต่จริง ๆ แล้วใจดีมาก เขาเป็นคนรักเพื่อนแล้วก็ไม่เรื่องมาก จริง ๆ เขาเป็นคนยังไงก็ได้ สบาย ๆ แฮปปี้มาก ๆ ที่ได้ร่วมงานกัน เราสองคนก็เป็นเพื่อนกัน ถึงเราจะอายุเยอะกว่ามันหน่อยก็ตาม
ประสบการณ์ออกไปเล่นสดในนามศิลปินที่มีชื่อว่า Wonderframe
ถ้าเรื่องเล่นสดต้องบอกไปแบบนี้ การเล่นสด ๆ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เขาจะมีโชว์ชั่วโมงนึงใช่ไหม เราก็คิดเลยว่าเล่น 2 เพลงวนไปวนมาได้ปะวะ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะ จริง ๆ ก็จะคุยกับวงว่าโอเคเราจะต้องเล่นเพลงคนอื่นด้วยต้องพยายามไปหาเพลงคนอื่นที่เขาร้องตามและเราร้องถนัดให้มันอยู่ในโชว์เราด้วย แต่อย่างไรก็ดีเพลงที่พีคที่สุดในโชว์ของเราก็จะเป็น เพลง อยู่ดี ๆ ก็… ล่าสุดไปเล่นที่จังหวัดเชียงรายมา คนดูประมาณ 2,700 คน ทุกคนร้องตามดังมาก ร้องได้ทุกท่อนเลย เราขนลุกเลยแบบพลังมันเยอะมาก ดีใจมาก ๆ เลย ส่วนความตื่นเต้นตอนไปโชว์ตอนแรก ๆ ก็ตื่นเต้นนะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยล่ะจะเอาความตื่นเต้นเหล่านั้นไปใส่กับคนดูมากกว่า
งานเล่นเยอะขึ้น รับมือกับสิ่งเหล่านี้อย่างไรบ้าง
เฟรมเรียนด้วย ตอนนี้ก็เรียนปริญญาโทอยู่ มันก็หนักเหมือนกัน แต่เราก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี ถ้าเกิดมีงานเข้ามาชน เราก็ต้องดูความสำคัญว่ายังไง ต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ลงตัว เรื่องเรียนเราก็จะทำให้ดีที่สุด งานก็เช่นกันเราก็ต้องมุ่งไปในด้านนั้นให้เต็มที่เหมือนกัน
เสน่ห์ของโชว์ Wonderframe
เฟรมคิดว่ามันเป็นความสดใสนะ จริง ๆ เฟรมเป็นคนชอบสีรุ้ง ตอนแรกจะให้ทั้งวงใส่ชุดสีรุ้งทั้งวงด้วย แต่เฟรมสงสารสมาชิกในวง (หัวเราะ) เราก็เลยหากิมมิก เสน่ห์น่าจะอยู่ที่พลังและความสดใสมากกว่า
อัลบั้มเต็มจะได้ฟังกันเมื่อไร
ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องจะทำอัลบั้มรึเปล่านะ แต่ว่าที่วางไว้เราอยากให้ออกมาเป็นซิงเกิ้ลที่เป็นตัวเรามากสุด ๆ มากกว่า โอเคอนาคตถ้าเกิดได้มีโอกาสรวมเป็นอัลบั้มก็ค่อยว่ากัน จริงๆ เฟรมชอบปล่อยเพลงแบบเป็นซิงเกิ้ลมากกว่า
เป้าหมายการทำงานในวงการเพลง ณ ตอนนี้วางไว้อย่างไรบ้าง
อยากอยู่ได้นานที่สุดไม่ว่าจะเป็นทั้งเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง จริง ๆ อนาคตถ้าเราแก่แล้วอยู่เบื้องหน้าไม่ได้แล้ว เราก็แต่งเพลงได้ทำงานเบื้องหลังได้ ตอนนี้เฟรมพยายามศึกษาอยู่เวลาเจอใครที่เก่ง ๆ อย่างพี่ เป้ วง Mild เราก็จะพยายามถามเขาว่าแนวคิด การแต่งเพลงเขาเป็นยังไง พยายามเรียนรู้ให้ได้เยอะที่สุด แต่ถ้าถามว่าจุดที่เป็นอยู่ตอนนี้พอใจแล้วรึยัง ยังนะ เป็นคนไม่ค่อยพอใจในตัวเอง ยังอยากพัฒนาอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะ โอกาสมันมาตลอดนะ แต่ถ้าเราไม่พร้อม มันก็จบ โอกาสมันเหมือนไอติมอ่ะ ถ้าไม่พร้อมมันก็ละลายไป
ใครคือคนที่อยากร่วมงานด้วยในวงการเพลง
อยากร่วมงานกับพี่ โอ้ต —ปราโมทย์ ปาทาน ชอบความน่ารักของพี่เขา ความสนุกด้วย แต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอเลย
วงหน้าใหม่ที่ฟังช่วงนี้ชอบฟังวงอะไร
เฟรมชอบวง Telex Telexs นะ ก่อนหน้าที่เฟรมจะไปอยู่ค่าย Wayfer Records เฟรมก็ชอบไปดูโชว์เขาบ่อย ๆ เพราะเฟรมชอบเสียงพี่ ออม เสียงเท่มาก พอได้มาอยู่ค่ายเดียวกันก็ดีใจ จริง ๆ เราก็ฟังหลายวงนะ ปลานิลเต็มบ้าน, สมเกียรติ เราก็ฟัง เฟรมเป็นคนที่ไม่ได้จำกัดการฟังเพลง ถ้าชอบก็ฟัง ไม่ได้เลือกแนว ฟังได้หมด
วงการฮิปฮอปในสายตา Wonderframe
ตอนนี้เฟรมว่าฮิปฮอปฟังง่ายขึ้น มันไม่ค่อยมีคำหยาบละ เอาจริง ๆ เฟรมคิดว่าที่โตขึ้นนะคือคนในวงการปรับตัวทำเพลงให้ฟังง่ายขึ้นแล้วก็คนฟังเปิดใจกว้างมากขึ้น พอมันเป็นจังหวะที่พอดีกัน ทุกอย่างมันก็ลงล็อกเลย อย่างเฟรมก็ได้ไปประกวดรายการแนวนี้เหมือนกันนะ ส่วนจะเป็นรายการอะไรรอดูนะไม่บอก
วันว่าง ๆ ชอบทำกิจกรรมอะไรบ้าง
เล่นกับหมาเลยงานหลัก น้องชื่อ ‘ตั่วถัง’ แปลว่า กำไรมหาศาล ดูก็รู้ว่าแม่มันขี้งกขนาดไหน (หัวเราะ) ส่วนตัวเองเฟรมก็พยายามอยู่บ้านให้มากที่สุดนะ ถ้าไม่มีงานเล่นดนตรี แต่ถ้าได้มีโอกาสอยู่มากกว่าสองวัน เฟรมก็จะไปต่างจังหวัดเลย เหนื่อยก็พักผ่อน ตอนนี้ก็รอวันว่างอยู่จะได้พักผ่อนบ้างสักที งานมันจะชอบมาติด ๆ กันสามสี่วันเลยก็หนักอยู่ แต่เรารับได้ มันโอเคย แล้วอีกหนึ่งกิจกรรมที่เฟรมชอบก็คือ ชอบอ่านหนังสือ อ่านนิยายทุกแนว พวกสงครามก็อ่านนะ จะชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับอนาคต อย่างล่าสุดไปดูหนัง ‘Ready Player’ One สนุกมาก ชอบอะไรที่มันเป็นอนาคตมันทำให้เราได้จินตนาการ
นิสัยส่วนตัวที่ทุกคนควรรู้
เฟรมเป็นคนอารมณ์ดีมากเลยนะ เป็นคนสนุกสนานมาก แต่ว่าจะเป็นคนคิดเยอะเหมือนกัน อย่างตอนที่เพลงแรกออกมาแล้วมันเริ่มมีกระแส ก็จะรู้สึกว่า ตายแล้วเพลงที่สองเอาไงดีวะ เราจะเป็นคนคิดตลอดเวลา แต่ก็จะพยายามเครียดให้น้อยที่สุด เพราะว่าถ้าเราเครียดมาก มันจะส่งผลให้เราไม่ไหว เพราะ ต้องทำงานด้วย เราจะเป็นคนที่พยายามมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน แต่ก็เชื่อว่าทุกคนก็จะมีมุมมองทั้งดีและไม่ดีอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องค่อย ๆ เรียนรู้กันไป ถ้าเรามองทุกอย่างไม่ดีไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นได้หรอก
สเป็กหนุ่ม ๆ ของ Wonderframe
เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ จะต้องหล่อ สูง ตี๋ ขาว แบบนี้เลยนะ แต่เหมือนพอโตขึ้นทุกอย่างก็ลดลงทันที ทุกวันนี้เหลือแค่เข้าใจเราเป็นผู้ใหญ่ก็พอแล้ว เพราะว่าเราทำงาน คือ เวลาทำงานเราเนี่ยจะเป็นเวลาที่คนอื่นเขานอนกันหมดเแล้ว พอไปร้องเพลงเที่ยงคืนจบตีสอง ก็ต้องเข้าใจเวลาของเรา มันเป็นอะไรที่ผู้ใหญ่ขึ้น เรื่องสเป็กไม่ได้มีแล้ว
งั้นไอ้การที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องตอบไลน์เราตลอดเวลาไหม
(หัวเราะ) เราไม่ชอบคน ignore ไม่มีใครชอบหรอก ยิ่งอ่านแล้วไม่ตอบนะ อันนี้ยิ่งแย่เลย ตอบไลน์บ้างก็ได้ คือไม่ต้องตอบตลอดเวลาหรอก แต่ก็ตอบบ้างไม่ใช่หายไปเลย
สมมุติถ้าจะจีบ Wonderframe ต้องจีบยังไง
ไม่ชอบคนขี้เก๊ก ไม่ชอบคนขี้อวด โชว์ป๋า ชอบคนสบาย ๆ น่ารัก ชอบคนยิ้มสวยอะ คือ ถึงไม่ว่าเขาจะหล่อไม่หล่อ แต่ถ้าเขายิ้มออกมาแล้วโลกมันสดใสก็คือสบายใจแล้ว มองหน้าแล้วสบายใจ
ทุกวันนี้มีคนแบบนี้อยู่ในชีวิตยัง
เอาจริง ๆ นะเราโฟกัสเรื่องงานก่อนชัดเจนมาก แต่ถามว่ามีคนคุยไหมมันก็ต้องมีเป็นปกติ เราไม่ใช่เด็กแล้ว
ชื่อเสียงที่เข้ามาจากเพลงทำให้คนจดจำเราได้มากขึ้นไหม
มันแปลกมาก ถ้าเราปล่อยผม คนจะจำไม่ค่อยได้ ต้องทำทรงเดิมตลอดเวลา ถ้าทำทรงนี้ปุ้ปไปเดินหน้าหมู่บ้านก็มีคนขอถ่ายรูปล่ะ แต่ก็ไม่ได้เขินนะ เราก็จะให้ถ่ายรูปด้วยตลอดเวลาเลย บางทีหน้าสดแล้วเขามาขอถ่ายรูปเราก็ให้ถ่าย เพราะเขาคงไม่ได้เจอเราบ่อย ๆ อีกอย่างคนที่เข้ามาขอถ่ายรูปเรา เขาต้องมีความชอบเราส่วนนึง เพราะเราวัดจากตัวเองเหมือนกันว่า ถ้าเราไม่ได้ชอบใครเราก็คงไม่ขอใครถ่ายรูปก็เลยให้ถ่ายตลอด ไม่เขิน ไม่แคร์ ยังไงก็เฟรมอยู่ดีอ่ะ แต่ก็จะบอกน้อง ๆ เสมอว่า แต่งรูปหน่อยก็ดีนะ (หัวเราะ)
ถ้ามีโอกาสได้บอกเด็ก ๆ ที่ชื่นชอบ Wonderframe แล้วอยากโตมาเป็นแบบเรา อยากบอกอะไรเขาบ้าง
อย่าท้อค่ะ กว่าจะมาเป็นพี่ได้ก็เหนื่อย เราต่อสู้มาเยอะ จริง ๆ ผู้หญิงในเรื่องความเป็นศิลปินมันก็จะมีความเสียเปรียบผู้ชายอยู่ในระดับนึงนะ ทั้งเรื่องการยอมรับหรืออะไรก็ตาม อันนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เราต้องมองให้มันเป็นธรรมชาติมากกว่า แบบถ้าเราจะอยู่ได้จริง ๆ เราต้องเก่งจริง ๆ ไม่ว่าจะในวงการหรือจะในงานไหนก็ตาม ถ้าเราเก่งจริงเราก็อยู่ได้ แต่เก่งอย่างเดียวไม่พอ เราต้องมีสัมมาคารวะ มีการปฏิสัมพันธ์กับคนด้วย ต้องเป็นคนน่ารักและเก่งเท่านั้นเอง
มีวันที่ท้อแท้ไม่อยากร้องเพลงบ้างไหม
มีนะ เคยไม่ร้องเพลงมา 2-3 ปีเลย เรารู้สึกว่าร้องเพลงแล้วไม่มีคนติดตาม ไม่มีใครฟัง ร้องไปก็ไม่อยากร้อง มันน้อยใจ อีกอย่างช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่กำลังค้นหาตัวเองด้วย ช่วงนั้นไม่มีคนฟังเลย เราก็เลยไม่ร้องเพลง แต่ส่วนตัวเราเองก็ไม่มีความสุขนะ เคยถามตัวเองเหมือนกันช่วงเรียนจบว่า เพื่อนมีงานทำกันหมดแล้ว เราจะทำงานอะไร คำตอบที่ได้มามันก็คือร้องเพลง โอเคงั้นร้องเพลงนะก็เลยทุ่มเทกับมันให้เต็มที่ ไม่มีคนฟังก็ช่างมัน
ช่วงเวลาที่ท้อแท้ทางบ้านปลอบใจยังไงบ้าง
เขาจะถามเราเลยว่าทำแล้วมีความสุขไหม คือ มันก็ไม่ได้เดือดร้อนตัวเราเท่าไรนะ เพราะ เรายังใช้ตังค์พ่อแม่ก็อยู่ได้นะ ไม่ได้อะไรก็อยู่แบบของเราสบาย ๆ เราไป แต่มันก็มีมุมนึงที่รู้สึกว่า เราอยากเลี้ยงพ่อแม่ อยากดูแลเขา เขาก็บอกเลยนะว่า ทำแล้วมีความสุขไหมร้องเพลงอ่ะ ถามตัวเองก่อน ถ้ามีความสุขทำไปเลย คนไม่ฟัง หนูแฮปปี้มันก็โอเคแล้ว เราก็เลยเออวะ ทำก็ทำวะใช้เงินแม่ไปก่อนก็ได้ (หัวเราะ)
ถ้าให้กลับไปมองย้อนตัวเองคิดว่าตัวเองจะมาถึงวันนี้ไหม
ไม่เลย ช่วงที่เราประกวด The Star เรารู้สึกว่ามันขึ้นสูงและร่วงลงเร็วมาก เรารู้สึกว่าทำไมเราไม่ดังอะ พูดตรง ๆ ช่วงเวลานั้นเราก็มีความหลงตัวเองนะ มันต้องมีคนรู้จักเราบ้างล่ะ แต่ย้อนไปดูอีกทีตอนนั้นมันเด็กน้อยมาก ๆ กากมาก คลิปตัวเองร้องเพลงเราก็ไม่ค่อยชอบดูนะ อายมาก รู้สึกว่าตอนนี้เราดีกว่าตอนนั้น เราเป็นคนไม่หลงตัวเองแล้ว เราชอบมองความจริงว่า เฮ้ยตรงนี้ยังแย่อยู่เลยอะไรแบบนี้เพื่อเอาไปพัฒนาตัวเอง ตอนนี้เท้าติดดินละ
สุดท้ายนี้มีอะไรจะฝากผู้อ่านบ้าง
ฝากเพลงละกัน เฟรมตั้งใจทำมากจริง ๆ เฟรมแต่งเองทั้งสองเพลงเลยที่ออกมาเลย ฝากติดตามผลงานไปเรื่อย ๆ มากกว่าค่ะ ก็จะพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ส่วนเพลงต่อไปเดือนมิถุนายนนี้ก็เดี๋ยวได้เจอกันแน่นอน เป็นเพลงที่ฟังง่ายขึ้นด้วย เราจะทำให้คนฟังเราแล้วรู้สึกว่า เพลงมันฟังง่าย ฟังได้ทุกเพศทุกวัย
***ความลับ 1 สิ่งที่ไม่มีใครรู้มาก่อน***
ถ้าบอกมันก็ไม่ใช่ความลับสิ แต่บอกก็ได้เฟรมชอบแอบกินขนมตอนดึก ถ้าย้อนกลับไปต้องบอกว่าเฟรมเป็นเด็กอ้วนมาตั้งแต่เด็กเลย อ้วนจริง ๆ มีช่วงนึงเราลดน้ำหนัก พอโตมาเราก็เลยติดนิสัยที่เป็นเด็กชอบกิน แต่คือเราอ่ะไม่ลดน้ำหนักนะตอนประกวด The Star อะ (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนี้เราลดลงมาโอเคแล้ว ไม่ได้ผอมมากจนเกินไป เราพอใจกับตัวเองตอนนี้ ส่วนวิธีการลงมากินขนมของเราก็จะทำแบบนี้เลย ค่อย ๆ ย่องลงมาจากห้องตัวเองแล้วไปหยิบขนมในตู้เย็น บางวันก็โดนที่บ้านจับได้ เขาก็จะแซว ๆ ไป อันนี้เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้มาก่อนนะ