#HYHBKK Live! with Japanese Breakfast การแสดงอันยอดเยี่ยมที่ความป่วยก็หยุดเธอไม่ได้
- Story and photos by Montipa Virojpan
4 ธันวาคม 2560
ในคืนวันจันทร์ที่วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดนี้ เหมาะเหลือเกินที่จะเอาร่างมาผ่อนคลายและสนุกไปกับเพลงของศิลปินคุณภาพสองวงที่จะมาเจอกัน ณ Rockademy Thaialand สุขุมวิท 26 นั่นคือ Sasi และ Japanese Breakfast ที่งาน #HYHBKK Live! with Japanese Breakfast
เรามาถึงที่งานประมาณสองทุ่มครึ่งเพื่อให้ทันกับเวลาที่วงแรกขึ้นแสดงพอดี เข็มยาวเกือบชี้เลขแปด Sasi ก็เปิดโชว์ด้วยอินโทรที่เดือน นักร้องนำร่ายมนต์สะกดใส่คนดูตั้งแต่ตอนนี้ ตามด้วยเพลงจังหวะกลาง ๆ ที่ร้องว่า ‘ความฝันของเธอ ยังสบายดีอยู่ไหม’ จากนั้นก็เป็น ละเมอ เพลงเมโลดี้หงอยเหงา กับท่อนท้ายเพลงที่บรรเลงกีตาร์ไพเราะทรงพลัง แล้วจึงเป็นสโลวร็อกที่เพราะมาก กับกลองเท่ ๆ ที่ทำให้คนดูเริ่มโยกกันได้มากขึ้น น่าจะชื่อ Bang Bang เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นมาด้วยเอฟเฟกต์เสียงซ้อนหนาหลอนจิต แต่จบท้ายด้วยเสียงร้องใส ๆ แต่เหมือนจะขาดใจของเดือนในท่อน ‘Bang bang, shoot me, run it to my chest/ Bang bang, shoot me, run it to my head’ คือสะกดให้ตกอยู่ในภวังค์มาก ๆ แล้วต่อด้วยเพลงมัน ๆ อย่าง เมนส์ และ ใจ ที่ท่อนโซโล่กลองท้ายเพลงเท่จนเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดู
ตอนนี้เดือนกล่าวทักทายแฟนเพลงและขอปรับจูนสายกีตาร์เล็กน้อยก่อนจะเล่นเพลง Evening เพลงช้าเศร้า ๆ ที่ทำเอาซึมไปพักหนึ่ง และ แสงแดดที่ผิดกฎหมาย เพลงที่หลอกว่าเป็นเพลงช้า แต่จริง ๆ คือร็อกที่อีกนิดนึงจะเป็น avant-garde แล้ว เพราะใส่ไลน์กีตาร์แจ๊สบ้าง ปั่นประสาทบ้าง และอิมโพรไวส์กลองยุ่งเหยิง ทว่าไลน์กีตาร์ของเดือนตอนต้นเพลงในเพลงนี้กลับเพราะมาก ๆ แค่ให้บรรยากาศหลอน ๆ จบท้ายกันด้วยเพลง ถ้า ที่เคยเป็นงานของ Hummingbirt Stereo ซึ่งเดือนได้ช่วยเขียนเนื้อร้อง ในเวอร์ชันนี้ก็ถูกเพิ่มท่อนแรกและท่อนจบเข้าไป แต่พลังทำลายล้างอารมณ์ความรู้สึกยังรุนแรงแม้เป็นเพลงช้า แถมยังล้นหลามกว่าเดิมด้วยซ้ำ เป็นอีกโชว์ของ Sasi ที่ประทับใจเราและต้องบอกว่าเป็นวงที่น่าติดตามแบบไม่ละสายตาจริง ๆ
จากนั้นเวลาสี่ทุ่มตรงก็ได้เวลาของสาวร็อกสุดเท่ (แต่จริตน่ารักสุด ๆ) อย่าง Michelle Zauner หรือ Japanese Breakfast เธอเปิดโชว์ด้วยเพลงนีโอไซค์จากงานชุด Soft Sounds from Another Planet นั่นคือ Diving Woman และกลับมาที่งานชุด Psychopomp กับ In Heaven และ The Woman That Loves You ซึ่งแค่ในสามเพลงนี้ เธอก็ได้ใจคนดูไปเต็ม ๆ กับลีลาการแสดงที่มีพลังงานสดใสไหลเวียนจากการกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ
จากนั้นเธอก็พูดทักทายคนดูพร้อมกับเล่นเพลง hypnagogig pop จากชุดใหม่ Road Head ต่อด้วย Heft เพลงอินดี้ร็อกสไตล์วัยรุ่นที่ความจริงแล้วเนื้อหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแม่ของเธอ และguitar song สุดป๊อป The Body Is a Blade แล้วมิเชลก็พูดคุยกับคนดูอีกครั้ง เธอพูดว่า ‘ที่นี่มีดิสโก้บอลด้วยหรอ คุณจะช่วยยิงแสงไฟไปที่มันได้ไหมเพราะเพลงต่อไปมันให้ความรู้สึกแบบดิสโก้มาก ๆ เหมือนคุณอยู่ในงานพร็อมอะ ลองทำดูสิน่าจะเหมาะนะ’ หลังจากนั้นก็มีไฟส่องไปที่ลูกบอลดิสโก้จริง ๆ เป็นเพลงบาโร้กป๊อปชื่อ Boyish ซึ่งเคยเป็นงานดิบ ๆ ของวงเก่าเธอ Little Big League ตามด้วย Jane Cum ที่มิเชลเริ่มเดือดดาล ใส่ยับ ว้ากออกไมค์จนเราเหวอแบบ เฮ้ย ผู้หญิงคนนี้ป่วยจริงหรอ (ช่วงก่อนคอนเสิร์ตแสดงทีมงานคุยกันประมาณว่าเธอไม่ค่อยสบาย แถมยังกินไอศกรีมเยอะมาก ๆ โอ้) แล้วเธอทำโชว์ออกมาได้ดีมาก แล้วต่อที่ 12 Steps ป๊อปร็อกจังหวะกลางฟังสบายที่ทำให้โยกได้เรื่อย ๆ
ตอนนี้เธอว่าจะเล่นเพลงช้า เพลงเบา ๆ สองสามเพลง ‘หวังว่ามันจะโอเคนะ’ แล้วเธอก็พูดถึงพ่อของเธอที่มาดูโชว์นี้ด้วย มิเชลบอกว่ามันเจ๋งมากที่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันพ่อของที่นี่ และเพลงแรกในช่วงนี้คือ Till Death จบเพลงนี้เธอบอกว่าไปทัวร์มาแล้ว 5 ประเทศ และเดินทางมากว่า 24 ชั่วโมงเพื่อมาเจอพวกเรา เธอดีใจที่ค่ำคืนนี้เกิดขึ้น มันสุดยอดและประทับใจมาก ขอบคุณ Have You Heard? และคนดู ก่อนจะพูดถึงเพลงต่อไปที่ท่อนแรกของเพลงแต่งเพื่ออุทิศให้กับผู้หญิงหลายคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเธอ หนึ่งในนั้นน่าจะมีแม่ของเธอด้วย นั่นคือ This House เพลงโปรดของเราที่มีเพียงกีตาร์กับคีย์บอร์ดอย่าง This House ขณะที่บรรยากาศรอบ ๆ หม่นหมองแต่กลับสวยงาม จากไฟที่ส่องเธอแบบนั้นด้วยล่ะมั้ง พอประกอบกับเสียงของมิเชลและเครื่องดนตรีสองชิ้นที่สะกดใจอย่างตราตรึง
เพลงช้าเพลงสุดท้าย Triple 7 เธอแต่งให้กับผู้ชายที่เคยเดตแล้วทำให้เธอรู้สึกว่าไม่เหมาะที่จะมาร้องเพลง จน ‘ฉันคิดได้ว่าควรจะช่างแม่งเขาไปสิ’ แค่เธอพูดเท่านี้ก็เรียกเสียงเฮจากสาว ๆ ในฮอลกันดังสนั่น พอจบเพลงเธอก็พูดชมสถานที่ว่าถ้าเธอเป็นเด็กแล้วได้มาเรียนดนตรีร็อกที่นี่คงมีความสุขตายเลย แล้วส่งท้ายเรากลับบ้านกันด้วย Everybody Wants to Love You ที่คนดูเต้นกันสุดตัวพร้อมร้องตาม ก่อนจะเป็นอังกอร์ขำ ๆ กับเพลงที่เธอบอกว่าเกี่ยวกับการตกหลุมรักกับหุ่นยนต์อย่าง Machinist ที่ซาวด์เป็นซินธ์ป๊อปซอฟต์ลง แตกต่างจากทุกเพลงที่เคยเล่นมาเป็นร็อกหมด และอาจทำให้ความรู้สึกดรอปลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าคนดูแฮปปี้กับการแสดงของเธอสุด ๆ เห็นยิ้มเขิน ฟินหน้าบานกันเป็นแถบ ๆ
ท้ายงานมิเชลออกมาพบปะแฟนเพลง แจกลายเซ็นและถ่ายรูป เราเข้าไปคุยกับเธอนิดหน่อยก็พบว่าเธอ friendly จริงใจไม่ต่างจากสิ่งที่เธอพิมพ์ตอบมาในบทสัมภาษณ์ที่เราได้อ่านกันเลยแม้แต่น้อย
จบลงไปแล้วสำหรับโชว์สุดท้ายของปีที่ Have You Heard? จัดมาเสิร์ฟพวกเรา และตั้งหน้าตั้งตารอโชว์แรกของปีหน้า กับอีกวงที่เราตื่นเต้นที่จะได้ดูสุด ๆ อย่าง Homeshake ตอนนี้เขาขายบัตรแล้วนะ ที่ Ticketmelon มียัง!