Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Shugo Tokumaru กับโชว์ที่อัดแน่นด้วยวาไรตี้ป๊อปเหนือความคาดหมาย

  • Story and photos by Montipa Virojpan

11 พฤศจิกายน 2560

img_4828

เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา เป็นอีกวันที่มีอีเวนต์ชนกันโครมครามที่สุดวันนึง เพราะมีคอนเสิร์ตชนกันถึง 4 งาน ยังไม่นับปาร์ตี้ดีเจยิบย่อยยุบยับอีกนะ อาจเพราะเป็นฤกษ์ดีเลขสวยจำง่าย ทีม Seen Scene Space เลยชวน Shugo Tokumaru มาเล่นสดแบบใกล้ชิดในวันที่ 11 เดือน 11 ที่ Play Yard นั่นเองล่ะจ้า (และแน่นอนว่าอีกทั้ง 3 งานอย่าง JMSN, DEAN และ งานเปิด live house แห่งใหม่อย่าง De Commune เราก็แยกร่างไปเก็บบรรยากาศมาฝากกันด้วย รออ่านกันได้เลย โจ้ว)

โทคุมารุ ชูโกะ คือศิลปินชาวญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์เพลงป๊อปออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ จากการผสมแนวดนตรีหลากหลายตั้งแต่แจ๊ส คันทรี และโครงสร้างเพลงที่มีการเรียบเรียงซับซ้อนแบบจับทางไม่ถูกจนสร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมได้ตลอดโชว์ การเล่นเครื่องดนตรีนานาประเภท หรือนำของเล่นแปลก มาทำให้เกิดเสียงเพื่อทดลองหาซาวด์ใหม่ ถือเป็นเรื่องถนัดของเขา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เราและนักดนตรีหลายคนอยากดูการแสดงสดของชูโกะให้ได้สักครั้งในชีวิต

img_4822

และครั้งนี้เองก็เป็นครั้งที่สามของเราแล้ว (สองรอบก่อนหน้าคือที่งาน Neon Lights สิงคโปร์ปี 2015 กับ Fuji Rock เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา) ถามว่าทำไมดูแล้วดูอีก ไม่เบื่อบ้างเหรอ ก็ต้องบอกว่าโชว์ของจารย์ชูโกะเขาดีไซน์ออกมาสนุก แถมยังเซอร์ไพรส์เราได้ทุกครั้งจริง ดูยังไงก็ไม่เบื่อ โดยเฉพาะกับรอบที่ญี่ปุ่นเขาหอบเครื่องดนตรีทดลองชุดใหญ่และนักดนตรีรับเชิญ Maywa Denki ผู้คิดค้นของเล่นเหล่านั้นมาสร้างความฮือฮาให้ผู้ชมอย่างเพลิดเพลิน เอาง่าย ว่าตอนที่เขาประกาศว่าชูโกะจะมาเล่นที่บ้านเรา นี่กดบัตรตั้งแต่วันแรกแบบไม่คิดมากเพราะจะได้ดูวงพีค ในราคา 400 บาท ทั้ง Midnight Children, Sasi และ Summer Dress พร้อมกันในคืนเดียวด้วย คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

img_4792

เวลาเกือบทุ่มครึ่ง ด้านในของร้าน Play Yard ยังไม่ค่อยมีคนดูหนาตามากนัก เราจึงจับจองพื้นที่ด้านหน้ายืนดู Midnight Children ได้อย่างสบาย เราได้ยินชื่อวงนี้จากที่ไหนสักแห่งแต่ยังไม่เคยดูมาก่อน เมื่อวานเลยเป็นการเปิดประเดิมหนแรกและได้พบว่า แม้จะเป็นวงดนตรีสามชิ้นแต่ซาวด์กลับไม่โหวงเหวง เล่นอะไรออกมาก็ดูแน่นปึ๊กไปหมดด้วยความสามารถทางดนตรีสายแจ๊สระดับพระกาฬ เป็นโปรเกรสซิฟ กรูฟไหล โซโล่ทีนี่โชว์สกิลไล่สเกลเอย รัวกลองเอย เปลี่ยน time signature ตลอด มาหมดไม่ว่าจะแมธ อัลเทอร์เนทิฟ แจ๊ส แอบมีเมทัลให้เป็นลูกเหวอนิด ถ้านึกไม่ออก เพลงวงนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในบาร์แจ๊สสายฟิวชัน ผสมกับซาวด์หม่นประมาณ Desktop Error และความซับซ้อน หลากหลาย และหนักหน่วงแบบ aire จนเรายืนไม่นิ่ง เผลอดิ้นตามจังหวะไปแบบไม่รู้ตัว เพลงที่หยิบมาเล่นวันนี้ก็มี Light, ฟ้า, Such และ Here ที่พอถึงท่อนผลัดกันโซโล่หรืออิมโพรไวซ์นี่แบบจะโหดกันไปไหน๊๊๊๊๊ มือกลองเก่งมาก กัวล้าว ๆๆๆๆๆ ขอยกให้เป็นความหวังใหม่ของสาย instrumental กันเลย เจอชื่อวงนี้ในไลน์อัพไหน ต้องลองไปดูให้ได้นะ

img_4797

จากนั้นประมาณสองทุ่ม วง Sasi ที่มีผลงานการเล่นสดสุดตราตรึงใจเราเสมอมาก็ขึ้นแสดง คนดูเริ่มตบเท้าเข้าด้านในเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงตั้งใจดูกันอย่างสงบเรียบร้อยไม่ค่อยออกท่าทาง โดยขึ้นมาเป็นอินโทรโฟล์กร็อกเร้าอารมณ์ก่อนจะทักทายผู้ชม และประเดิมเพลงแรก ต่อด้วยเพลง ละเมอ ให้อารมณ์เหงา ในช่วงต้นเพลงแล้วเพิ่มพลังความหนักหน่วงเข้าไปในช่วง verse 2 จากนั้นจึงเป็นเพลง เมนส์ ที่เพิ่มความเดือดขึ้นมาอีก คราวนี้ใส่เอฟเฟกต์ร้องโหด ดนตรีกรันจ์ ที่ให้กีตาร์เล่นไลน์เบสกรูฟหนึบหนับ ทำเอาเราลืมภาพจำของวงศศิไปชั่วขณะ แล้วก็เป็นคิวของเพลงสุดเศร้าแต่สวยงามอย่าง Evening ที่ยังบาดหัวจิตหัวใจได้อย่างดีเช่นเคย ชอบมาก คือท่อนท้ายเพลงที่กลองชุดทั้งสองตียูนิซันกันอย่างเข้มแข็งและพร้อมเพรียง (อ้อ ลืมบอกว่าจุดเด่นของวงนี้คือมีกีตาร์สองตัว และอีกสองกลองชุด ซึ่งมีตัวนึงตีเน้นตีเป็นพาร์ตเบส) หลังจากที่วงแนะนำสมาชิกกันแล้วก็ได้คิวของเพลงเร็กเก้สุดย่อง ไปวันวัน มีเสียงกระพรวนฟังสบายคลอไปตลอดเพลง แล้วปิดท้ายด้วยเพลงที่ทำให้รู้จักกับพวกเขา นั่นคือ ใจ ได้อย่างน่าประทับใจ

img_4804

เวลาสามทุ่มตรง อินโทรของเพลง Fancy I เริ่มบรรเลง พร้อมกับปริมาณคนดูที่หนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวเราเองก็ถูกดันให้มาอยู่เบื้องหน้าเวทีที่มี Summer Dress ที่กำลังแสดงอยู่ หนนี้สังเกตได้ว่าพวกเขามีของเล่นมาเพิ่ม นั่นคือดรัมแพดของแน็ท และคีย์บอร์ดซินธ์ของเต๊นท์ โดยปกติวงนี้เขาก็ขึ้นชื่อเรื่องซาวด์ดีไซน์ชวนเหวอกันอยู่แล้ว นี่ก็ชักจะตื่นเต้นแล้วสิว่าโชว์ในครั้งนี้จะพีคกว่าทุกครั้งหรือเปล่า สิ่งที่เราค้นพบก็คือ (ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ) แต่รอบนี้ดนตรีกลมกล่อมครบรสขึ้นมากจริง ๆ แหละ เมื่อจบเพลงแรกก็ต่อด้วยเพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟังจากอัลบั้ม Activity อย่าง บรรเลง ที่เราคิดถึงมาก แต่เป็นเวอร์ชันที่อัดแน่นเต็มเหนี่ยว แอบมีกรูฟฟังก์ ไม่เหลือเค้าความขี้เล่นแบบยุคแรก กลายเป็นวงรุ่นใหญ่ไปแล้ว ตามมาด้วย The Beatles Fever เพลงยั่วล้อความขี้ขิงของแฟนคลับวงในตำนานที่รอบนี้เพิ่มสีสันในช่วงท้ายเพลงกับไลน์ซินธ์สวย จากนั้นก็เป็นเพลง Soundscape เพลงอ่อนโยนไพเราะแต่แฝงความเกรี้ยวกราดไว้ในตอนท้าย กับ Synthesizer ที่จุดนี้ไม่มีใครหยุดเพดานเสียงสุดพิสดารเกินคาดเดาของพวกเขาได้แล้วจริง ยิ่งกีตาร์ของแน็ทในช่วงท้ายเหมือนบูสต์อะไรเพิ่มเข้าไปสักอย่างทำให้เสียงหนาขึ้นกว่าปกติ แล้วเล่นเป็นโน้ตโดด ขึ้นมาทำให้เพลงเท่ขึ้นเป็นกอง ก่อนจะจบโชว์ด้วยเพลงฮิต ดีออก ที่กรูฟย้วยสุดอะไรสุดจนเราต้องเลื้อยตาม สำหรับเราแล้วคิดว่าโชว์ที่เพิ่งจบไปเป็นอีกโชว์ที่ดีที่สุดของ Summer Dress ที่เคยดูมา กับการอาเรนจ์ดนตรีใหม่จนละเมียดขึ้นอีกหลายเท่าตัว

img_4808

ก่อนถึงเวลาตามที่ตารางแจ้งไว้นิดหน่อย backing track ดนตรีป๊อปสดใสก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของผู้ชม มือกลองของวงที่ทุกคนรอคอยก็ขึ้นมาประจำที่และหวดอย่างไม่ยั้งมือเป็นการเปิดโชว์ แล้วสมาชิกคนอื่น ก็ขึ้นมาจนครบวงพร้อมกับเล่นเพลง Bricolage Music เพลงเท่โทนสว่างจากอัลบั้มล่าสุด Toss ที่ผสมเอา world music และความเป็นแมธร็อกเข้าด้วยกัน เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จบแล้วก็เป็นเพลงดังของเขา Katachi ที่พอทรัมเป็ต intro ขึ้นมาเป็นซิงเกิ้ลโน้ตที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็พากันกรี๊ด และตบมือร้องตามกันอย่างถ้วนหน้า Shugo Tokumaru กล่าวทักทายแฟนเพลงพร้อมกับหยิบ iPhone ขึ้นมาอ่านและพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักแบบเขิน เรียกเสียงเฮจากคนดูดังลั่น ก่อนที่จะเล่นเพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ชื่อ Taxi ที่แอบใส่ความ neo-soul นิด อัพบีตหน่อย มีจังหวะยกให้เราโยกกันเข้าเคล็ด ต่อด้วยเพลงที่เปิดมาด้วยการเป่าลูกโป่งและปล่อยลมออกเป็นเสียงฟิ้ววววว กับเพลงชิบุย่าเกะติดหูที่มีท่อน ‘ลั้น ลั้น ลั้น ลั้น ลา’ อย่าง Poker จากอัลบั้ม In Focus? และ  Lift จากงานชุดใหม่ มีช่วงนึงที่เกิดปัญหาทางเทคนิค ไม่แน่ใจว่าปลั๊กหลุดหรืออะไร ช่วงนั้นก็มีเพลงขึ้นคลอไปเรื่อย ๆ จนเมื่อแก้ปัญหาได้แล้วเสร็จชูโกะก็โซโล่กีตาร์เพลงโฟล์กขับกล่อมพวกเราในเพลง The Mop และ Decorate ที่แฟน พากันร้องตาม 

img_4817

ชูโกะทักทายคนดูอีกครั้งและแนะนำสมาชิกวง ก่อนจะเริ่มเล่นเพลงที่นักดนตรีทุกคนช่วยกันตบมือเข้าจังหวะอย่างพร้อมเพรียงใน Green Rain และโฟล์กจังหวะกลาง ๆ อย่า Such a Color ส่วนเพลง Hikageno จากชุดใหม่ก็ถูกเอามาทำเป็นเพลงคันทรีจนเราเหวอเลย แถมนักดนตรีผู้หญิงในวงก็ปีนขึ้นไปเล่นกีตาร์บนโต๊ะ พร้อมกับมือคีย์บอร์ดก็เอาผ้ามาพัดให้ผมของเธอปลิว มีแกล้งกันมุ้งมิ้งด้วยอะ ง่อววว ต่อด้วย Video Kill the Radio Star ที่ชูโกะเล่นอูคูเล่เล่ได้น่ารักน่าชังและทุกคนตบมือร้องตามเป็นภาพที่กุ๊งกิ๊งมากจริง ตามมาด้วยเพลงช้า La La Radio ที่เหมือนจะน่ารักฟังสบายหรอก เล่น ไปแอบมีความหน่วงเมาเฉยเลย พอจบจากเพลงนี้ก็เป็นเพลงฮิตของเขาอย่าง Rum Hee ที่แฟน ร้องลั่นทันทีที่ได้ยินอินโทร ตอนท้ายเพลงเขาแนะนำตัวสมาชิกอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า ‘ผมจะกลับมาอีกครับ’ เป็นภาษาไทยยาหอมกันจริง ๆ เล้ย

img_4836

ช่วงสุดท้ายของโชว์แล้ว พวกเขาเล่นเพลง Down Down ที่อาเรนจ์ใหม่ให้แอบมีความร็อกแอนด์โรล แล้วยังให้นักดนตรีผลัดกันโซโล่พลางแกล้งแหย่กันเล่น ก่อนจะปิดท้ายที่อังกอร์กับ Parachute ที่นักดนตรีทุกคนคว้าไม้กลองมายืนเคาะกันอย่างเมามันจนจบเพลง ผู้ชมพากันตบมือยาวนานเหมือนไม่อยากให้โชว์ในค่ำคืนนี้จบลง

โชว์ทั้งหมดชั่วโมงนิด ของพวกเขาเป็นอะไรที่มอบความคาดเดาไม่ได้ให้อยู่เรื่อย มีไดนามิกของพลังงานจากเพลงที่มากบ้างน้อยบ้าง แต่บาลานซ์ออกมาได้ดี และเติมเต็มความสุขให้คนดูได้แบบท่วมท้น รวมไปถึงวงเจ้าบ้านทั้งสามวงก็แสดงความสามารถกันอย่างเต็มศักยภาพ เชื่อว่าหลายคนที่ตัดสินใจเลือกงานนี้คงรู้สึกเหมือนกันว่าคิดไม่ผิดจริง ที่มา และหลังจากคอนเสิร์ตสิ้นสุดลง ชูโกะและนักดนตรีคนอื่น ก็ออกมานั่งแจกลายเซ็นให้กับแฟนเพลงที่ต่อคิวยาวเหยียด แต่บรรยากาศก็ยังอบอุ่นเป็นกันเองเมื่อทุกคนถ่ายรูปและแบ่งปันรอยยิ้มชื่นมื่น

img_4837

จบไปแล้วกับ ระเห็ดเตร็ดเตร่ Shugo Tokumaru Live in Bangkok by Seen Scene Space ยังเหลือระเห็ดอีกสามงานให้ไปเตร็ดเตร่ ทั้ง JMSN, DEAN และงานเปิด De Commune รออ่านกันด้วยล่ะ!

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้